‘โรม’ แต่งดำรำลึก รปห. หวังเห็น ‘ประยุทธ์’ ในศาล โดยมีประชาชนเป็นผู้พิพากษา

‘โรม’ แต่งดำรำลึก รปห. หวังเห็น ‘ประยุทธ์’ ในศาล โดยมีประชาชนเป็นผู้พิพากษา

เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม ที่ลานหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร แยกปทุมวัน กรุงเทพฯ กลุ่ม People Go Network นัดหมายทำกิจกรรม ‘เปิดไฟให้ดาว Finale-LightUp Freedom
We have a Dream – เรายังฝันอยู่

บรรยากาศในช่วงค่ำ เมื่อเวลาประมาณ 19.30 น. นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ปราศรัยประเด็น ‘ฝันถึงการต่อสู้ของคนหนุ่มสาว ฝันถึงการเมืองใหม่ของทุกคน’

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนมาลานนี้ รู้สึกเหมือนหายใจไม่ค่อยออก ไม่ใช่เป็นโควิด แต่มีความยุติธรรมเกิดขึ้นที่นี่ อดีตตนอยากเป็นทนายความให้ประชาขนที่สู้เพื่อประชาธิปไตย สุดท้ายมาเป็น ส.ส. อย่างที่เห็นทุกวันนี้ หวังว่า หนังม้วนต่อไปจะได้เห็น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาในศาล โดยมีประชาชนเป็นผู้พิพากษา ตนต้องบอกว่า ในสภาวะที่เรามารวมกันอย่างหดหู่ หมดหวัง ซึ่งเป็นเหตุผลที่คนรุ่นใหม่อยากย้ายประเทศ ในวันที่ต้องขับเคลื่อนประเทศด้วยการด่า ต้องอยู่กับการบริหารที่ล้มเหลวในการแก้ไขโควิดหลายครั้ง ปีที่แล้ว คนติดโควิด 6,884 คน เสียขีวิต 61 คน ซึ่งเป็นเรื่องน่าเศร้า แต่ 3 วันที่ผ่านมา อัตราสูงกว่าทั้งปีรวมกัน

Advertisement

ความล้มเหลวต่อไปคือ รัฐบาลนี้กำลังจะตัดสินใจสำคัญคือกู้เงิน 7 แสนล้าน ก่อนหน้านี้ก็เคยตัดสินใจกู้มาแล้ว 1 ล้านล้าน แต่แทนที่จะเอาไปพัฒนาเศรษฐกิจ แต่เอาไปใช้พัฒนาเศรษฐกิจไม่ถึงครึ่ง ใช้กับด้านสาธารณสุขไม่เกิน 30 เปอร์เซนต์ แต่วันนี้จะกู้เพิ่มอีก ดังนั้น เปิดสภานี้ เจอกันแน่

นายรังสิมันต์กล่าวว่า หลายคนรู้สึกว่า ทำไมเราต้องอยู่ในสภาพนี้ หลายคนหมดหวัง แต่ตนอยากให้ย้อนไปมองในอดีต เมื่อ 7 ปีก่อน ตนยังเป็นนักศึกษานิติศาสตร์ มธ. ออกมาทำกิจกรรม ‘ตามหานกพิราบ’ เดินจาก มธ. ท่าพระจันทร์ไปอนุสาวรีย์ประชนธิปไตย เพื่อแสดงให้สังคมเห็นว่า เราไม่ยอมแพ้ รวทตัวกันได้ 50 คน แล้วมีคนมาสมทบรวมแล้วราว 300 คน แต่ต้องยุติที่แยกคอกวัว เพราะตำรวจอ้างว่า อาจปะทะกับ กปปส. ซึ่งได้ชัยชนะ แต่ประชาขนแพ้ ต่อมา ปี 58 ตนและเพิ่อนออกมาทำกิจกรรมที่ลานแห่งนี้ โดยยืนมองนาฬิกา แต่ไม่ถึง 15 นาที โดนตร. สน.ปทุมวันคุมตัว เกิดความรุนแรง โดยคนกลุ่มหนึ่งตะโกนลวมาจากสกายวอล์กว่า ‘ยิงมันให้ตาย’ ต่อมา เมื่อมีการร่างรัฐธรรมนูญ ตนออกมารณรงค์โหวตโน กระทั่งเมื่อเป็น ส.ส. พยายามเสนอแก้กฎหมายมาตรา 112 ผลักดันการแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องขอโทษประชาชนที่ไม่สามารถทำในสิ่งที่สัญญาไว้ แต่ขอให้รู้ว่าตนและพรรคก้าวไกลพยายามเต็มที่และจะพยายามให้ดีที่สุด

Advertisement

“ในวันที่พยายามผลักดันแต่ไม่สำเร็จ อยากบอกว่า อย่ายอมแพ้ เพราะเราทำสิ่งที่ถูก รัฐประหารต่างหากคือสิ่งที่ผิด จากในอดีตที่เราออกมาต้านรัฐประหาร 50 คน กระทั่งคนออกมาถึงแสน แสดงว่าเรามาถูกทางแล้ว ใครกำลังท้อถอย หมดหวัง ให้มองย้อนไปว่า เรามาไกลกว่าที่คิด อีกนิดเดียวพลเอกประยุทธ์ต้องไปเลี้ยงหลาน จงสู้ต่อไป จงสร้างความเปลี่ยนแปลง ถ้านับตั้งแต่จุดนี้ อาจไม่เห็นแสงสง่าง ไม่เห็นแสงดาว แต่ให้ระลึกว่า ท่ามกลางความท้อแท้ หม่นหมอง ยังมีประชาขนที่คิดแบบเรา เป็นประชาชนที่เดินมาพร้อมความหวัง จุดแสงสว่างให้กันและกัน ดังนั้น อย่าท้อแท้ หมดหวัง ความเปลี่ยนแปลงจะเกิดไม่ช้า และในท้ายสุด เราจะฉลองชัยชนะร่วมกันลานนี้ที่เป็นจุดเริ่ม เป็นลานชัยขนะของประชาชน” นายรังสิมันต์กล่าว ก่อนปิดท้ายว่า ชาติคือประชาชน ไม่มีอะไรมาแทนได้

จากนั้น วงสามัญชนร้องเพลง ‘ฝากรักถึงเจ้าผีเสื้อ’ และอีกหลายบทเพลง โดยมีการแจกดาวทำจากกระดาษว่าวหลากสีและโครงไม้ไผ่ให้ผู้ร่วมกิจกรรมโดยแต่ละคนพากันฉายไฟฉายหรือแฟลชจากโทรศัพท์มือถือไปยังดาวจนสว่างไสว พร้อมโยกไปตามเสียงเพลง

จากนั้น เวลาประมาณ 20.40 น. เป็นการทำกิจกรรม ‘เปิดไฟให้ดาว’ โดยผู้ทำกิจกรรมส่องไฟไปยังดาวกระดาษ หันหน้าสู่สกายวอล์ก ประกาศยืนยัน 3 ข้อเรียกร้องได้แก่ 1. ปล่อยเพิ่อนเรา 2.ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ 3. ปฏิรูปสถาบัน ก่อนประกาศยุติกิจกรรมในเวลาประมาณ 20.50 น. โดยมีการข่วยกันเก็บขยะ และทำความสะอาดพิ้นลานหน้าหอศิลป์ก่อนทยอยแยกย้าย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image