‘พิจารณ์’ อัด ‘บิ๊กตู่’ จัดงบไร้จิตสำนึก บี้ลดตัดเลื่อนงบกลาโหม ช่วยให้ ปชช.ได้เกือบ 3 หมื่นล.

‘พิจารณ์’ อัด ‘ประยุทธ์’ จัดงบไร้จิตสำนึก บี้ลดตัดเลื่อนงบกลาโหม จะช่วยมีเงินให้ ปชช.มากเกือบ 3 หมื่นล. ปูดกองทัพเรือหลบเรดาร์แอบเซ็นสัญญาจีนซื้อเรือดำน้ำต่อ เย้ยกลัวไม่ได้เงินทอนหรือ เหน็บ ภท.อย่าทำตัวเป็นเด็กดื้อ งอแงแล้วโหวตให้ผ่านแลกกับรถไฟฟ้า

เมื่อเวลา 16.20 น. ที่รัฐสภา นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก. ) อภิปรายว่า ที่ รมช.กลาโหมกล่าวสรุปช่วงหนึ่งว่าช่วงปี 63 ช่วงโควิดระบาดรอบแรก กลาโหมถูกโอนออกมากสุดประมาณ 1.8 หมื่นล้านบาท แต่ทำไมปีนี้วิกฤตโควิดสาหัสกว่ามาก ทำไมปรับลดงบลงได้แค่ 1.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งปรับลดได้น้อยทั้งสัดส่วนและจำนวนเงิน เป็นเพราะเรามีนายกฯ ที่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ไร้จิตสำนึกในการจัดทำงบประมาณ ยืนยันว่ากระทรวงกลาโหมต้องลดงบได้มากกว่านี้ เพราะงบประมาณสวัสดิการของประชาชนถูดลดลงมากถึงเกือบ 3.5 หมื่นล้านบาท ความมั่นคงในชีวิตมนุษย์สำคัญน้อยกว่าความมั่นคงทางทหารหรือ

ดังนั้นกระทรวงกลาโหมต้องลด ตัด เลื่อน โดย 1.ลดงบซื้อยุทโธปกรณ์แบบปีเดียว หากทุกเหล่าทัพลดงบได้ในสัดส่วนเหมือนกองบัญชาการกองทัพไทย เราจะมีงบเพื่อประชาชนถึง 3,400 ล้านบาท 2.ตัดงบซื้ออาวุธแบบผูกพันข้ามปี เช่น รถถัง เฮลิคอปเตอร์ หากตัดการตั้งโครงการใหม่ เราจะซึ่งเราจะมีงบเหลือ 1814 ล้านบาท และลดภาระที่จะเกิดขึ้นได้ถึง 7,259 ล้านบาท และ 3.เลื่อนการจัดซื้ออาวุธแบบผูกพันข้ามปี ในปี 65

หากเลื่อน 70 โครงการ เราจะมีงบเพื่อสวัสดิการประชาชน 24,200 ล้านบาท รัฐบาลควรเจรจาเลื่อนงวดผ่อนของปีนี้ออกไปก่อเพื่อเพิ่มงบสวัสดิการให้ประชาชน ทั้งนี้ งบ 65 เรากู้ชดเชยการขาดดุล หากการซื้ออาวุธยังดำเนินต่อไปเท่ากับว่าเรากู้มาเพื่อซื้ออาวุธอย่างเดียว กระตุ้นเศรษฐกิจให้กับผู้ผลิตเท่านั้น ดังนั้นหากเราลดตัดเลื่อนงบกลาโหมทั้งหมดได้ รัฐบาลจะมีเงินเหลือทันที 29,414 ล้านบาท

นายพิจารณ์อภิปรายว่า ในส่วนเรือดำน้ำลำที่ 2 และ 3 ซึ่งผ่านปีงบประมาณ 63 ไปแต่ยังไม่มีการจ่ายเงิน และในปี 64 เพราะแรงกดดันจากสังคม พล.อ.ประยุทธ์เลื่อนซื้อออกไป ขณะที่อนุกรรมาธิการครุภัณฑ์ปี 64 กองทัพเรือชี้แจงชัดเจนว่ายังไม่เซ็นสัญญากับจีน แต่โครงการนี้เป็นโครงการยังผูกพันตาม ม.41 ภายใต้แผนงานพัฒนาขีดความสามารถของกองทัพเรือ และยังผูกพันไปถึงปี 69 แสดงว่ากองทัพเรือแอบหลบเรดาร์สื่อดำดินไปเซ็นสัญญากับจีนก่อนวันที่ 30 ก.ย.63 เพื่อไม่ให้โครงการตกไปตาม พ.ร.บ.วิธีงบประมาณ หากดำน้ำเก่งขนาดนี้ไม่ต้องซื้อเรือดำน้ำก็ได้ นี่เป็นอีกภาระอีกก้อนที่ พล.อ.ประยุทธ์สร้างไว้ให้ประชาชน

Advertisement

ทั้งนี้ หากจะซื้อเรือลำที่ 2 และ 3 ต่อทำไมไม่เจรจาจัดซื้อแบบชดเชย จัดซื้อโดยให้ถ่ายทอดเทคโนโลยี ให้มีการประกอบในไทย เกิดการจ้างงานในไทย และให้เรามีขีดความสามารถประกอบได้เอง ผลิตและขายให้ชาติอื่นได้ ซึ่งหลายชาติ เช่น ประเทศอินโดนีเซียก็ทำ แต่ พล.อ.ประยุทธ์เลือกที่จะไม่ทำ รีบเซ็นสัญญาไปก่อนเหมือนกลัวจะไม่ได้ซื้อ เดี๋ยวจะไม่ได้เงินทอนหรือไม่ก็ไม่ทราบ แล้วเราจะปล่อยให้รัฐบาลบริหารงบต่อไปอีกหรือ ยืนยันว่าปล่อยผ่านงบประมาณกระทรวงกลาโหมไปไม่ได้จริงๆ

“ผมนั่งฟังการอภิปรายมาตลอดสองวัน เห็นเพื่อนสมาชิกโดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทยที่มีความเป็นห่วงถูกตัดลดงบประมาณกระทรวงสาธารณสุขอย่างยิ่ง ไม่ใช่ว่าพูดว่าห่วงใยที่งบถูกตัดลดแล้วยกมือกันพรึ่บพรั่บให้ ไม่ใช่ทำตัวเป็นเด็กดื้อ งอแง แต่พอได้รถไฟฟ้ามาเป็นของเล่นแล้วก็ยกมือผ่านให้ ผมยืนยันว่าการโหวตคว่ำร่างเป็นวิธีการที่รวบรัดที่สุดที่จะคืนงบประมาณให้กระทรวงสาธารณสุข นี่จะเป็นวิธีที่โรแมนติกที่สุดที่จะพาหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยกลับสู่บ้านคืนสุข แล้วส่ง พล.อ.ประยุทธ์กลับบ้านเก่า” นายพิจารณ์ระบุ

จากนั้นนายสนอง เทพอักษรณรงค์ ส.ส.บุรีรัมย์ พรรค ภท. ได้ลุกขึ้นประท้วงนายพิจารณ์ขอให้ถอนคำพูดที่กล่าวหาพรรค ภท. ว่าทำตัวเป็นเด็กงอแง โดยยืนยันว่า ส.ส.ทุกคนมีเอกสิทธิ์ ทำหน้าที่เพื่อรักษาผลประโยชน์ของบ้านเมือง ตัดสินใจได้ด้วยตัวเองไม่ต้องมีใครชี้นำ ซึ่งถือเป็นการประท้วงครั้งแรกในการอภิปรายงบประมาณ ที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมา

โดยนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภา คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้ขอให้นายพิจารณ์ถอนคำพูด ซึ่งนายพิจารณ์ได้ยอมถอนแต่โดยดี แต่ขอเปลี่ยนเป็นคำว่า ขอให้พรรค ภท.ลงมติเพื่อปลด พ.ร.บ.งบประมาณนี้โดยคำนึงถึงประชาชนตามที่อภิปรายไว้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image