“ชูศักดิ์” ห่วงการเมืองเข้าสู่ยุค “ธนกิจการเมือง” ใช้เงินเป็นตัวนำ ย้อนยุคไปสู่การเมืองก่อนการปฏิรูปการเมือง
เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า รัฐธรรมนูญ 2560 ทำให้การเมืองไทยถอยหลังลงคลอง เกิดระบบเลือกตั้งพิสดาร เกิดรัฐบาลสืบทอดอำนาจจาก คสช. แม้การเลือกตั้งในครั้งหน้าก็อาจไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหากกติกายังเป็นเช่นนี้อยู่ ในขณะเดียวกันความพยายามในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ทั้งฉบับและรายมาตรา เพื่อปลดล็อกวิกฤตต่างๆ กลับเต็มไปด้วยอุปสรรค ขวากหนาม ด้วยกลไกทางอำนาจและองคาพยพที่วางไว้อย่างแยบยลในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ที่น่าจับตามองคือสัญญานการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของพรรคการเมืองที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ ตนเองมองว่าการเมืองในอนาคตต่อไปนี้จะเป็นการเมืองที่เป็น“ธนกิจการเมือง” ที่เรียกกันว่า Money Politics เต็มตัว จะย้อนยุคไปสู่การเมืองก่อนการปฏิรูปการเมือง ตามรัฐธรรมนูญ 2540 เป็นการเมืองที่ใช้เงินกับอำนาจ เป็นตัวตั้งเป็นการเมืองที่ต้องใช้เงินมากๆ ใช้เงินไว้ทำการเมือง ไว้แจก ไว้ดูด เหมือนที่พูดกันว่าการเมืองแบบแจกกล้วย และจะเป็นไปทั้งระดับชาติ ระดับท้องถิ่น เชื่อมโยงสัมพันธ์กันไปหมด ขณะเดียวกันการเข้าสู่การเมืองทำให้ได้มาซึ่งอำนาจ ใช้ อำนาจเพื่อเข้าสู่ตำแหน่ง ทั้งอิทธิพลผลประโยชน์ สามารถควบคุม สั่งการ ชี้นำ ทำให้การเมืองเป็นระบบซื้อเสียงขายเสียง ใช้อิทธิพลผลประโยชน์ แจกจ่ายกันไม่อั้น เป็นระบบอุปถัมภ์โดยสมบูรณ์แบบในที่สุด
นายชูศักดิ์ กล่าวอีกว่า เรื่องนี้ จึงเป็นเรื่องใหญ่ของพรรคการเมืองทั้งหลาย ที่จะตระหนักรู้ว่าสังคมไทยกำลัง ติดหล่มและจะเดินไปในทิศทางใด กำลังจะลงนรกตกเหว การแก้ไขรัฐธรรมนูญ จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพื่อให้การได้มาซึ่งอำนาจมีความถูกต้องชอบธรรม โป่รงใส มีความรับผิดชอบ การจัดการเพื่อให้เกิดการตรวจสอบ ถ่วงดุลอำนาจที่เหมาะสม ทำให้การเมืองไทยเป็นการเมืองที่ใสสะอาด มิใช่เป็นการเมืองแบบอำนาจผลประโยชน์นิยมเป็นเรื่องที่ต้องกระทำโดยเร็ว ก่อนที่จะสายเกินแก้ การเมืองไทยจะนำชาติเข้าสู่วิกฤตที่อันตรายร้ายแรงเห็นได้ชัดเจนว่ามีลางบอกเหตุ มาโดยลำดับและจะชัดเจนขึ้นโดยลำดับ การเปลี่ยนแปลงกติกาสูงสุดของประเทศจะเป็นทางออกจากวิกฤติได้ทางเดียว