‘ธรรมนัส’ เคลียร์ใจกลุ่มสามมิตร ปชป.เคาะมติหนุน 13 ร่างแก้ รธน.
เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการประชุม ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.ที่ผ่านมา มีนายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม เพื่อแจ้งสมาชิกถึงการประชุมร่วมรัฐสภาในวันที่ 22-24 มิถุนายน เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ จำนวน 13 ฉบับ
นายวิรัชกล่าวว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะพิจารณามี 13 ฉบับ ส่วนเวลาการอภิปราย ทั้งฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน และ ส.ว.จะใช้เวลาฝ่ายละ 6 ชั่วโมง และใช้เวลาการนับคะแนนอีก 6 ชั่วโมงอย่างต่ำ ส่วนวิธีการลงคะแนนทั้ง 13 ร่างให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่ผิดพลาด คาดว่าวันที่ 24 มิถุนายนนี้ จะมีคู่มือประกอบในการลงคะแนน อาจมีวิธีทันสมัยในการนับคะแนน มีตัวเลขขึ้นให้เห็นเวลาลงมติว่าใครโหวตอย่างไร สมมุติถ้าโหวตผิด ให้สมาชิกลงคะแนนให้จบแล้วจึงยกมือแจ้งประธานเพื่อทำการโหวตใหม่ หากขานชื่อเลยไปแล้ว ให้รอครบจำนวนสมาชิก 750 คนก่อน แล้วให้ยกมือแจ้งเพื่อไปต่อคิวโหวตใหม่ จากนั้นจะเป็นคิวของคนที่จะเปลี่ยนการโหวตเพื่อลงมติอีกครั้ง
ต่อมา ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรค พปชร. เดินทางเข้าร่วมประชุม พร้อมกล่าวกับสมาชิกตอนหนึ่งว่า ขอบคุณสมาชิกพรรคที่ให้เกียรติและไว้วางใจมาทำหน้าที่เลขาฯพรรค และจะทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุด เดินไปตามยุทธศาสตร์ที่จะสร้างครอบครัวนี้ให้เข้มแข็ง พร้อมกับหาสมาชิกพรรคให้เยอะที่สุดในสมัยหน้า ที่สำคัญมีหัวหน้าพรรคและรองหัวหน้าพรรคทั้ง 4 คน รวมถึง กก.บห.และสมาชิกทุกคน ที่มีความหวังจะทำให้บ้านน่าอยู่ มีความรักและสามัคคีกัน
ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า หลังจากที่ได้รับความไว้วางใจจากสมาชิกเลือกเป็นเลขาฯพรรค ได้โทรศัพท์ไปหาบุคคลที่มีชื่อตามที่สื่อเสนอข่าวว่ามีความขัดแย้ง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะรองหัวหน้าพรรค และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะ กก.บห. และนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะ กก.บห. ขอยืนยันว่าไม่มีความขัดแย้ง และเป็นนโยบายของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. ที่จะทำให้พรรคเข้มแข็ง
ร.อ.ธรรมนัสให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ระบุว่าจะนำพา พปชร.ขึ้นเป็นพรรคอันดับหนึ่งและเป็นรัฐบาลพรรคเดียว ว่าต้องไปสร้างทิศทางของตัวเองในหลายเรื่องหลายประเด็น สิ่งไหนที่ทำดีแล้วจะทำต่อไป สิ่งไหนที่ยังไม่ทำจะเริ่มทำ โดยเฉพาะนโยบายที่หาเสียงไว้ตั้งแต่ปี 2562 มีหลายเรื่องที่ทำไปแล้วและหลายเรื่องที่ยังไม่ได้ทำ ตอนนี้เหลือเวลาอีก 2 ปี ต้องรีบทำ
เมื่อถามว่าการเตรียมการอะไรต่างๆ ตอนนี้ประเมินว่าจะมีการยุบสภาหลังการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า มองว่าไม่ใช่ เวลานี้ถ้ายุบสภาประชาชนจะเดือดร้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังยุบสภาไม่ได้ เพราะรัฐบาลต้องบริหารประเทศให้หลุดพ้น
เมื่อถามว่าจะเร็วไปหรือไม่ที่ประกาศว่าจะจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวในเวลานี้ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า การเมืองไม่มีอะไรแน่นอน ต้องใช้เวลา สิ่งสำคัญที่สุดต้องทำให้ตัวเองมีความเข้มแข็ง ทำองค์กรและครอบครัว พรรค พปชร.ให้มีความเข้มแข็ง ทำให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นว่าสามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง ส่วนการปรับ ครม.เป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่ เป็นหน้าที่ของนายกฯ ส่วนตัวไม่ได้คิดอะไรอย่างนั้น
วันเดียวกัน มีการประชุมพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรค ปชป. แถลงผลการประชุม ส.ส.ของพรรค ว่าที่ประชุมมีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ส่วนการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 13 ฉบับนั้น ที่ประชุมมีมติเห็นชอบทั้ง 13 ฉบับ แต่พรรคเป็นห่วงในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของนายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค พปชร.ใน 2 มาตราคือ มาตรา 144 ว่าด้วยการจัดทำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี และมาตรา 185 ว่าด้วย ส.ส.หรือ ส.ว.ต้องไม่ก้าวก่ายการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ ส.ส.ของพรรคหลายคนจะได้แปรญัตติในชั้นคณะกรรมาธิการต่อไป
นายราเมศกล่าวว่า ทั้งนี้ พรรคได้เตรียมผู้อภิปรายไว้จำนวนมาก โดยได้รับการจัดสรรเวลา 1 ชั่วโมง 3 นาที นำทีมโดย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรค ปชป. นอกจากนั้น ที่ประชุมยังได้มีการพิจารณาบุคคลไปเป็นคณะ กมธ.จำนวน 3 คน ได้แก่ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช และนายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช ทั้งนี้ คณะ กมธ.มีทั้งสิ้น 45 คน แบ่งเป็น ส.ส. 30 คน และ ส.ว. 15 คน
