กมธ.ป.ป.ช. สงสัย กต. ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ปมประสานข้อมูล “ธรรมนัส” หรือไม่

กมธ.ป.ป.ช. สงสัย กต. ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ปมประสานข้อมูล “ธรรมนัส” หรือไม่

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 15 กรกฎาคม ที่รัฐสภา นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร แถลงผลการประชุมคณะกมธ.ฯ กรณีการตรวจสอบร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่าผิดจริยธรรมหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่กมธ.เคยพิจารณาต่อเนื่องมา โดยเชิญอดีตปลัดกรวงการต่างประเทศ ช่วงปี 2559–2563 และปลัดกระทรวงการต่างประเทศ คนปัจจุบันมาสอบถามเกี่ยวกับการประสานข้อมูลไปยังออสเตรเลีย ในการขอคำพิพากษาศาลแขวงรัฐนิวเซาท์เวลส์ โดยได้รับการชี้แจงว่า กระทรวงการต่างประเทศเคยสอบถามไปยังสถานเอกอัครราชทูตไทยในกรุงแคนเบอร์รา และสามารถขอสำเนาคำพิพากษาศาลแขวงด้วยการทำหนังสือไปขอได้เลย ส่วนศาลอุทธรณ์จะต้องมีการกรอกตามแบบฟอร์มคำขอ พร้อมกับชี้แจงว่าเคยสอบถามข้อมูลไปยังร.อ.ธรรมนัส แต่ไม่ได้รับคำตอบจึงไม่สามารถดำเนินการได้

นายธีรัจชัย กล่าวว่า กมธ.ป.ป.ช.เคยขอข้อมูลไปยังศาลแขวงและศาลอุทธรณ์รัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งศาลอุทธรณ์ก็ส่งมาให้ กระทรวงการต่างประเทศก็สามารถติดตามข้อมูลได้จากกมธ.แต่กลับไม่ถาม แต่ไปถาม ร.อ.ธรรมนัส จึงเกิดคำถามว่าปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงการต่างประเทศ ทำหน้าที่อย่างเต็มที่หรือไม่ นอกจากนี้ กมธ.ป.ป.ช.ยังเคยได้รับหนังสือของกระทรวงการต่างประเทศ ในปี 2540 ที่ส่งคดีร.อ.ธรรมนัส มายังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) แสดงว่ากระทรวงการต่างประเทศ มีข้อมูลร.อ.ธรรมนัสอยู่แล้ว โดยป.ป.ส.ได้มาชี้แจงและแนบเอกสารดังกล่าวให้กมธ.ป.ป.ช. ซึ่งมีเอกสาร 2 ฉบับ แต่กระทรวงการต่างประเทศกลับบอกว่าไม่มีข้อมูล จึงเป็นที่น่าสังเกตว่าการปฏิบัติหน้าที่กรณีของร.อ.ธรรมนัส กระทรวงการต่างประเทศได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างครบถ้วนหรือไม่ ทางคณะกมธ.ป.ป.ช. จึงให้กระทรวงการต่างประเทศประสานไปยังศาลอีกครั้ง ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่าสามารถทำได้ แต่ไม่ได้มีการรับปากว่าจะดำเนินการให้

นายธีรัจชัย กล่าวว่า สำหรับกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยที่ 6/2564 เรื่องคุณสมบัติสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และรัฐมนตรีของร.อ.ธรรมนัส ปรากฎว่าในหน้าที่ 5 มีคำวินิจฉัยในวรรคแรกบอกว่าเพื่อประโยชน์ในการพิจารณาอาศัยตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญพ.ศ. 2561 มาตรา 27 วรรค 3 ศาลรัฐธรรมนูญมีหนังสือเรียกสำเนาคำพิพากษาศาลแขวงรัฐนิวเซาท์เวลส์ เครือรัฐออสเตรเลีย ลงวันที่ 13 มีนาคม 2537 และสำเนาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ รัฐนิวเซาท์เวลส์ เครือรัฐออสเตรเลีย ลงวันที่ 10 มีนาคม 2538 และเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องจากผู้ร้อง ผู้ถูกร้อง และปลัดกระทรวงต่างประเทศ เพื่อดำเนินการช่องทางการทูต โดยมีทางราชการรับรองสำเนาถูกต้อง คำว่าเพื่อดำเนินการช่องทางการทูต กมธ.ได้ติดใจมาโดยตลอดว่าเมื่อศาลรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 27 ของพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญไต่สวน สามารถสั่งการให้หน่วยงานราชการดำเนินการใดๆ ได้ และเมื่อสั่งแล้วเหตุใดกระทรวงต่างประเทศถึงไม่ทำตามช่องทางการทูต

นายธีรัจชัย กล่าวต่อว่า ปลัดกระทรวงต่างประเทศชี้แจงว่า สำเนาของคำพิพากษาศาลแขวงรัฐนิวเซาท์เวลส์ เครือรัฐออสเตรเลีย ลงวันที่ 13 มีนาคม 2537 และสำเนาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ รัฐนิวเซาท์เวลส์ เครือรัฐออสเตรเลีย ลงวันที่ 10 มีนาคม 2538 เป็นข้อมูลทางการออสเตรเลียและไม่อยู่ในความครอบครองของกระทรวงต่างประเทศ จึงไม่สามารถที่จะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญได้ ตนจึงได้ถามต่อว่าทำไมจึงปฏิเสธเช่นนี้ เพราะหากศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้เป็นการดำเนินการทางช่องทางการทูต ไม่ทำก็ถือว่าเป็นการขัดคำสั่ง ซึ่งได้รับคำตอบว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้สั่งให้ดำเนินการทางการทูต ในส่วนนี้ตนตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดศาลรัฐธรรมนูญเขียนว่าเพื่อดำเนินทางการทูตด้วยหากไม่ได้สั่ง ตนจึงขอเอกสารที่ศาลรัฐธรรมนูญส่งให้ ทางปลัดกระทรวงต่างประเทศได้ส่งให้ดู และตนได้ตรวจสอบพร้อมให้ถ่ายไว้ ปรากฏว่าไม่มีในหมายเรียกของศาลรัฐธรรมนูญที่ 49/2563 ลงวันที่ 29 กันยายน 2563 หากเป็นเช่นนี้จริงกระทรวงต่างประเทศก็ไม่ผิด แต่ทำไมศาลรัฐธรรมนูญถึงเขียนไว้ในคำพิพากษา ตนคิดว่าศาลรัฐธรรมนูญต้องชี้แจงในเรื่องนี้ให้ประชาชนได้ทราบ ซึ่งจะมีการสอบถามไปยังสำนักเลขาธิการศาลรัฐธรรมนูญว่าตามหนังสือเรียกนี้จริงหรือไม่

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image