‘จาตุรนต์’ ชี้ล็อกดาวน์เจ็บแต่ไม่จบ อัดรัฐสะเปะสะปะ วัคซีนช้า-ประสิทธิภาพต่ำ จี้รื้อนโยบาย

‘จาตุรนต์’ ชี้ ล็อกดาวน์ เจ็บแต่ไม่จบ อัดรัฐทำสะเปะสะปะ มีแต่จะเจ็บกันมากขึ้น ติงล็อกดาวน์ก่อนค่อยออกมาตรการ ทำระบาดกระจาย จัดตรวจ-วัคซีนช้า แถมยังประสิทธิภาพต่ำ ไม่เร่งหาของดีคุณภาพสูง แนะรื้อนโยบายครั้งใหญ่แก้ปัญหา

วันที่ 16 กรกฎาคม นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊ก Chaturon Chaisang วิพากษ์วิจารณ์ถึงประเด็นการบริหารของรัฐบาลในการคุมระบาดของโควิด-19 โดยระบุว่า

“ล็อกดาวน์ “เจ็บแต่ไม่จบ”
รัฐบาลทำสะเปะสะปะ
มีแต่จะ “เจ็บกันมากขึ้น”

ล็อกดาวน์ 10 จังหวัด 14 วัน ครั้งนี้ เจ็บแล้วจะจบหรือไม่ ?

เป็นคำถามที่ทุกคนน่าจะรู้คำตอบอยู่แล้วว่า “เจ็บแล้วไม่จบ” แน่ๆ

Advertisement

แต่คำถามทำนองนี้ สะท้อนทั้งความรู้สึกและเป็นการเรียกร้องให้แก้ปัญหาให้ดีขึ้น เพื่อจะได้ไม่ต้องเดือดร้อนกันไม่สิ้นสุดนั่นเอง

การล็อกดาวน์ในประเทศไหนๆ ก็ไม่เคยทำให้จบ อาจช่วยชะลอหรือลดความเสียหายลงได้ แต่ตราบใดที่โควิดยังมีอยู่ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก การแพร่ระบาดรุนแรงก็เกิดขึ้นได้อีก ไม่มีทางหมดไปอย่างสิ้นเชิงในประเทศใดประเทศหนึ่ง

การล็อกดาวน์ทำให้คนต้องหยุดงาน ทำมาหากินไม่ได้ ขาดรายได้ ทำให้คนต้องเจ็บ

Advertisement

ประโยชน์ ก็คือ ชะลอการแพร่ระบาด ลดจำนวนผู้ป่วยไม่ให้ล้นระบบสาธารณสุข ทำให้ลดการเสียชีวิตลงได้ แต่ในระหว่างล็อกดาวน์หรือเมื่อคุมสถานการณ์ได้แล้ว สิ่งที่ต้องรีบทำ คือ การขยายขีดความสามารถของระบบสาธารณสุข เพื่อรองรับผู้ป่วยได้มากขึ้น เช่น เตียง ห้อง อุปกรณ์ที่จำเป็นและการฝึกอบรมบุคลากร หากสถานการณ์เลวร้ายกลับมาอีก ก็จะสามารถรับมือได้

การล็อกดาวน์หรือการใช้มาตรการต่างๆ ตึงบ้าง ผ่อนบ้าง สลับไปสลับมาก็เพื่อควบคุมไม่ให้การแพร่ระบาดหนักเกินไป ไม่ใช่จะทำกันบ่อยๆ หรือทำครั้งละนานๆ ปกติจะทำกันจนกว่าจะมีวัคซีน มาฉีดจนเกิดภูมิคุ้มกันและมียาที่รักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในหลายๆ ประเทศ เมื่อมีวัคซีน ก็จะเร่งฉีดให้ประชาชนในประเทศอย่างขนานใหญ่ และเมื่อเกิดภูมิคุ้มกันมากๆ แล้ว ก็ผ่อนคลายมาตรการ แล้วกลับมาเปิดให้ประชาชนได้ทำมาหากิน คืนวิถีชีวิตปกติแบบนิวนอร์มอลได้อีกครั้ง

แต่การล็อกดาวน์ 10 จังหวัดที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ขณะนี้ ไม่มีวี่แววว่าจะเกิดผลอย่างที่เกิดขึ้นในหลายประเทศเลย

ก่อนล็อกดาวน์ เวลาไปตรวจเชิงรุกแคมป์ก่อสร้างที่ไหน ก็มักปรากฏพบผู้ติดเชื้อจำนวนมากทุกแห่งไป เมื่อมีการปิดแคมป์ก่อสร้างจำนวนมาก ซึ่งประมาณการกันว่าเกี่ยวข้องกับคนงานประมาณ 7 แสนคน ครึ่งหนึ่งเป็นแรงงานข้ามชาติ แต่เนื่องจากไม่มีการวางแผนล่วงหน้าที่จะตรึงคนงานไว้กับที่ด้วยการช่วยเหลือเรื่องค่าจ้างค่าแรง ไม่ทำให้เจ้าของกิจการและแรงงานเกิดความั่นใจหรือจูงใจให้อยู่กับที่ ผลที่ตามมาจึงเป็นการส่งแรงงานส่วนใหญ่กระจายไปทั่วประเทศโดยไม่มีการฉีดวัคซีน ไม่มีการตรวจเพื่อแยกผู้ติดเชื้อมาดูแลเสียก่อน แล้วแรงงานที่ยังอยู่กับที่ก็ไม่มีการดูแล

แสดงให้เห็นว่า การล็อกดาวน์ครั้งนี้ รัฐบาลไม่ได้สรุปบทเรียนจากครั้งก่อนๆ เลย คือ ไม่ได้กำหนดและประกาศมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบเสียก่อน

ล็อกดาวน์ไปแล้วค่อยออกมาตรการ กิจการจำนวนมากจึงหยุดลงและพนักงาน คนงาน จำนวนมากก็กระจายกลับภูมิลำเนาอีก ซึ่งเท่ากับกระจายคนที่ยังไม่ได้ตรวจและไม่ได้ฉีดวัคซีนในพื้นที่สีแดงเข้มสุด ออกไปทั่วประเทศอีก

ขณะนี้ก็พบการติดเชื้อมากขึ้นในจังหวัดต่างๆ อย่างต่อเนื่องทุกวัน

แล้วที่ผิดพลาดอย่างมาก ก็คือในระหว่างล็อกดาวน์ แทนที่จะรีบทำในสิ่งที่ควรทำ กลับไม่ได้ทำ

การตรวจหาผู้ติดเชื้อยังทำน้อยและช้ามาก Rapid test ที่ควรจะเป็นตัวช่วยก็กลับไม่มีแนวโน้มว่าจะใช้อย่าง rapidly ซ้ำร้ายยังสั่งยกเลิกการตรวจแรงงานข้ามชาติในกรุงเทพฯ และปริมณฑลอีก ทำให้ไม่สามารถแยกผู้ติดเชื้อมาดูแล ปล่อยให้ติดกันไปติดกันมา จำนวนผู้ติดเชื้อโดยเฉพาะผู้ป่วยหนักก็จะเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ไม่มีการเพิ่มเตียง ห้องและอุปกรณ์เช่นเครื่องช่วยหายใจ ออกซิเจนบรรจุถังและยาอย่างจริงจัง ทั้งๆ ที่หลายอย่างขาดแคลนมานานแล้ว

ที่สำคัญมากก็คือ รัฐบาลยังไม่สนใจที่จะหาทางทำให้ได้วัคซีนมาฉีดให้ครอบคลุมประชาชนจำนวนมากให้เร็ว ทั้งๆ ที่พบว่าวัคซีนที่ใช้อยู่ประสิทธิภาพต่ำ ก็ยังทุรังให้ใช้ต่อไป ช่องทางที่รัฐบาลจะหาวัคซีนคุณภาพสูงจากประเทศต่างๆ ได้อีกมาก แต่ก็ไม่ทำ

เมื่อล็อกดาวน์แล้วไม่ทำในสิ่งที่ควรทำ แต่กลับยังทำไปแบบผิดทิศผิดทางสะเปะสะปะอยู่ การล็อกดาวน์ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร อาจชะลอการแพร่เชื้อได้บ้างชั่วคราว พอหยุดล็อกดาวน์ปัญหาก็กลับมา แม้หลังจากนี้จะขยายเวลาล็อกดาวน์ออกไปอีก ก็ไม่อาจหยุดการแพร่ระบาดได้

“เจ็บแล้วจบ” ในทันทีทันใด เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แล้ว ถ้ายังทำอยู่อย่างนี้ มีแต่จะเจ็บกันมากขึ้นหรือ “เจ็บแล้วเจ็บอีก”

“เจ็บ” เพราะต้องอดอยากยากจน การเยียวยาก็ไม่เพียงพอ เมื่อสถานการณ์ยืดเยื้อออกไปและแย่ลงไปอีก ทำมาหากินไม่ได้กันไปนานๆ ความเสียหายทางเศรษฐกิจจะยิ่งมากขึ้นชนิดที่รัฐบาลที่มีความจำกัดทางการคลังอยู่แล้ว ไม่มีปัญญาจะเยียวยาได้

หากจะหลีกเลี่ยงความเสียหายใหญ่หลวง ต้องรีบควบคุมการแพร่ระบาดให้ได้และทำให้การทำมาค้าขายทำมาหากินกลับมาเป็นปกติโดยเร็วที่สุด แต่จะทำอย่างนั้นได้ต้องรื้อนโยบายของรัฐบาล และมาตรการทั้งหลายครั้งใหญ่ ปล่อยให้ทำกันอย่างที่ทำอยู่ทุกวันนี้ต่อไปอีกไม่ได้

ที่ผ่านมา ผมได้เสนอแนะไปบ้าง แต่เห็นสภาพที่เละตุ้มเป๊ะแบบทุกวันนี้ ก็จะพยายามเสนอความเห็นอีก

ช่วยกันคิด ช่วยกันเสนอครับ อย่าเพิ่งท้อ รัฐบาลนี้ไม่ทำ รัฐบาลหน้าอาจจะเอาไปทำ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image