‘กอร์ปศักดิ์’ แนะวาระ 2 เลิกโยก 1.6 หมื่นล้านไปงบกลาง ให้โอนไปสู้โควิด-ซื้อวัคซีนโดยตรง คนจะได้ไม่กังวล เจ้าของเงินจะได้ไม่ติดใจ
เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ อดีตรองนายกรัฐมนตรี สมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เขียนข้อความทางทวิตเตอร์ แสดงความเห็นกรณีปัญหาข้อถกเถียงเรื่องงบกลาง จำนวน 1.6 หมื่นล้าน ที่ตัดได้จากงบประมาณรายปี 65 โอนไปให้นายกฯ โดย ระบุว่า
กรรมาธิการปรับลดงบประมาณได้ 16,000 ลบ. ข้อถกเถียงคือ เม็ดเงินนี้ควรนำไปทำอะไร เสียงข้างมากให้เก็บไว้ที่งบกลาง(สำรองฉุกเฉิน) จะได้มีเงินไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน เสียงข้างน้อยหงุดหงิด ไม่ต้องการตีเช็คเปล่าให้นรม. ไม่ไว้ใจ กลัวนรม.และครม.นำเงินไปใช้แบบฉุกเฉินปลอม
ตามระเบียบ เมื่อนำเม็ดเงินที่ได้ปรับลด มากองไว้ตรงกลาง รัฐบาลในฐานะฝ่ายบริหารจะสามารถแปรญัตตินำเงินส่วนนี้ไปใช้ได้ตามโครงการที่กระทรวงเสนอและครม.ให้ความเห็นชอบ ฝ่ายนิติบัญญัติเข้าไปเกี่ยวข้องกับการใช้เงินไม่ได้ ผิดรัฐธรรมนูญ การใช้เงินงบประมาณเป็นอำนาจของฝ่ายบริหารเท่านั้น
แต่ถ้ารัฐบาลนิ่งเฉย ไม่แปรญัตติต่อกรรมาธิการว่าจะใช้เงินส่วนนี้เพื่อโครงการอะไร ย่อมทำให้กรรมาธิการไม่มีทางเลือก ต้องโยกเงินเม็ดนี้เข้ารายการสำรองฉุกเฉิน ถามว่าทำไมรัฐบาลถึงไม่แปรญัตติ ทำโครงการดีๆ ที่เป็นประโยชน์ ทำไมต้องการนำเงินส่วนนี้ไปกองไว้ที่งบกลาง (สำรองฉุกเฉิน) ?
ย้อนดูงบสำรองฉุกเฉินในแต่ละปีจะพบว่า นรม.ท่านนี้จัดวงเงินงบสำรองกรณีฉุกเฉินมากสุด มากกว่าอดีตนรม.ที่ผ่านมา
ดูตัวเลขครับ
งบปี ล้านบาท
58 88,824
59 103,545
60 113,907
61 91,423
62 99,000
63 96,000
64 99,000
65 89,000 +16,000
รวม 796,699 ล้านบาท
การรักษาวินัยทางการคลังที่ดีคือการใช้เงินภาษีของราษฎรอย่างโปร่งใส ธรรมชาติของงบฉุกเฉินคือจะไม่มีรายละเอียด ใช้จ่ายตามความเห็นชอบของนรม.และครม. ความจริงงบฉุกเฉินจำเป็น แต่ไม่ควรตั่งไว้มากเกินควร รัฐบาลที่ดีจะใช้งบในกรณีฉุกเฉินจริงๆ รัฐบาลที่ไม่ดี ความฉุกเฉินอาจไม่มีจริง
น่าสนใจคืองบฉุกเฉินของกลาโหมที่เอกสารการนำเสนอมักจะใช้คำว่า ” เอกสารลับ ” ห้ามเปิดเผย เข้าที่ประชุมครม.ประชุมเสร็จ เรียกเอกสารคืนทันที…เราจะมั่นใจได้อย่างไรครับว่า เป็นเรื่องฉุกเฉินจริงๆ เพราะตรวจสอบไม่ได้..ผมคาดว่านี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่กรรมาธิการเสียงข้างน้อยไม่เห็นด้วย
ผมมีข้อเสนอ รัฐบาลเปลี่ยนใจ ช่วงพิจารณาวาระ 2 ยกเลิกการโยกเม็ดเงิน 16,000 ลบ.ไปงบกลาง นำเม็ดเงินนี้ไช้ในโครงการที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้โควิด ประชาชนเจ้าของเงินภาษีคงไม่ติดใจว่า จะใช้เงินเพื่อเยียวยา เพื่อซื้อวัคซีนหรือซื้อเครื่องมือเครื่องใช้ทางการแพทย์ จะได้จบสวยหน่อย
