‘ยุทธพงศ์’ จองถาม ‘อาคม’ ปมออกหนังสือ ‘ว89’ เว้นอีบิดดิ้งให้ อปท. ทำเกิดการฮั้วประมูลจำนวนมาก พร้อมตามกรณี ‘เรืองไกร’ รับเบนซ์หรู ชี้หากผิด ม.144 พ.ร.บ.งบมีปัญหาด้วย
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 15 สิงหาคม ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรค พท. และนายจิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ ส.ส.นนทบุรี พรรค พท. ร่วมกันแถลงข่าวเรื่องการเตรียมพร้อมการประชุมสภา วาระ 2-3 ของร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 65 ระหว่างวันที่ 18-20 สิงหาคมนี้
โดยนายยุทธพงศ์กล่าวว่า จากยอด 3.1 ล้านล้านบาท สรุปยอดที่ กมธ.ปรับลดงบประมาณ 116,362 ล้านบาท มีการแปรญัตติลงงบกลางเพื่อแก้ไขปัญหาโควิด โดยจะต้องใช้เพื่อแก้ไขปัญหาโควิดเท่านั้น ใช้สำหรับเรื่องอื่นไม่ได้ ทั้งนี้ ในวาระ 2-3 นี้ มีผู้แทนราษฎรสงวนคำแปรญัตติไว้ 167 คน เป็นพรรค พท. 71 คน พรรคก้าวไกล (ก.ก.) 29 คน พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) 22 คน พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) 16 คน พรรคภูมิใจไทย 16 คน พรรคประชาชาติ (ปช.) 5 คน พรรคชาติไทยพัฒนา 2 คน พรรคเสรีรวมไทย (สร.) 2 คน พรรคพลังปวงชนไทย 1 คน พรรคพลังท้องถิ่นไทย 1 คน พรรคชาติพัฒนา 1 คน พรรคเพื่อชาติ 1 คน รวม 12 พรรค
นายยุทธพงศ์กล่าวอีกว่า สำหรับอีกกรณีที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ กรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ กมธ.งบประมาณปี 65 ได้รับรถเบนซ์หรู ขณะทำหน้าที่เป็น กมธ.งบประมาณ จึงมีการร้องขอให้นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ ประธาน กมธ.งบ 65 สอบเรื่องการมีส่วนได้ส่วนเสียทั้งทางตรงและทางอ้อม ตามมาตรา 144 หรือไม่ แต่นายอาคมกลับส่งเรื่องไปยังนายชวน หลีกภัย ประธานสภา แล้วนายชวนจะสอบนายเรืองไกรได้อย่างไร เพราะนายเรืองไกรเป็น กมธ.คนนอก ไม่ได้เป็น ส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎร ขณะที่ประธานสภาทำหนังสือไปยังนายอาคมให้ดำเนินการสอบข้อเท็จจริง แล้วส่งผลมายังประธานสภา ดังนั้น ในการประชุมสภาเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบ วาระะ 2 ตนจะต้องขอใช้สิทธิหารือสอบถามเรื่องนี้กับประธานสภาให้ได้ข้อยุติก่อน เพราะหากผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 พ.ร.บ.งบประมาณฉบับนี้จะมีปัญหาทันที
นายยุทธพงศ์กล่าวต่อว่า ตนในฐานะ กมธ.งบประมาณ ตนได้เสนอปรับลดงบประมาณไว้ โดยเฉพาะงบกองทัพเรือที่ถูกปรับลดน้อยมากเพียง 1 รายการ คือรถประจำตำแหน่ง พล.ร.อ. จำนวน 5 คัน เป็นเงิน 8 ล้านบาทเท่านั้น แต่โครงการจัดหาอากาศยานไร้คนขับจากจีน คันละกว่า 1,400 ล้านบาท ยังอยู่ แม้ฝ่ายค้านพยายามสู้ และวอล์กเอาต์แล้วแต่เสียงข้างมากก็โหวตให้ผ่าน
นายยุทธพงศ์กล่าวอีกว่า เรื่องต่อมาก คือ เราจะได้ยินว่าในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) มีข่าวเรื่องทุจริตเนื่องจากท้องถิ่นไม่มีการเลือกตั้งมา 8 ปีแล้ว ที่อยู่นี่คือรักษาการ อยู่ๆ นายอาคมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก็ไปออกหนังสือ เป็นแนวทางปฏิบัติตามกฎกระทรวงกำหนดพัสดุ และวิธีการจัดซื้อ จัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริม หรือสนับสนุน พ.ศ.2563 ที่ กค (กวจ) 0405/ว89 ซึ่งหนังสือฉบับนี้ทำให้เกิดการทุจริตฮั้วประมูลไปทั่วประเทศ เพราะหนังสือฉบับนี้ให้ผู้รับเหมาที่อยู่ในท้องถิ่นไปขึ้นทะเบียนกับ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) และในหนังสือยังระบุให้หน่วยงานของรัฐจัดซื้อจัดจ้างจากผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ตามที่ สสว.ได้ขึ้นบัญชีไว้ โดยให้ใช้วิธีงบประมาณจัดซื้อจัดจ้างดังกล่าวไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ของงบประมาณในการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่อยู่ในบัญชีผู้ประกอบการ SME หมายความว่าตั้งแต่นี้ท้องถิ่นไม่ต้องใช้วิธีอีบิดดิ้งแล้ว แต่ให้ผู้รับเหมาไปขึ้นทะเบียนกับ สสว. แล้วคุณก็เรียกเฉพาะผู้รับเหมาที่อยู่ในพื้นที่และขึ้นทะเบียนกับ สสว.ไว้มาเสนอราคา ผู้รับเหมาที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ก็เข้ามาเสนอราคาไม่ได้ ดังนั้น คุณอยากจัดซื้อจัดจ้างอะไร คุณก็ออกระเบียบให้ผู้รับเหมาที่คุณต้องการให้มาเสนอราคางาน แบบนี้ก็ไม่เกิดการแข่งขัน และเกิดการฮั้วประมูล และเกิดการทุจริตจำนวนมาก และคำว่า ไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 หมายถึงหากท้องถิ่นได้งบ 100 ล้านบาท คุณจะทำ 90 ล้านบาท หรือ 99 ล้านบาท ก็ได้ แต่ไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ตอนนี้ท้องถิ่นต่างๆ ก็พากันใช้วิธีตามหนังสือ ว89 กันเต็มไปหมด เสาไฟกินรีก็มา รถดับเพลิงคันละ 50 ล้านบาทก็มา ดังนั้น เมื่องบประมาณเข้าสภา ตนต้องถามรัฐมนตรีกระทรวงการคลังว่า คุณออกระเบียบนี้มาทำไม
