ภท.นำผู้ว่ารฟท. แจงเหตุไม่ฟ้อง ‘ศักดิ์สยาม’ ยัน เอกสารสิทธิ์ที่ดินเขากระโดงถูกต้อง

ภท. นำผู้ว่ารฟท.แจงเหตุไม่ฟ้อง “ศักดิ์สยาม” ปมที่ดินเขากระโดง ยันออกเอกสารสิทธิ์ถูกต้องโดยรัฐเหมือนชาวบ้านบุรีรัมย์ 900

เมื่อเวลา 14.10 น. วันที่ 3 กันยายน ที่รัฐสภา นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) พร้อมข้าราชการกระทรวงคมนาคม นำโดยนายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ร่วมแถลงข่าวชี้แจงประเด็นที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ที่มีการอภิปรายจากส.ส.พรรคฝ่ายค้าน วานนี้ (2 กุมภาพันธ์) โดยนายนิรุฒ กล่าวว่า กรณีที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ สิ่งที่ส.ส.อภิปรายอาจสร้างความเข้าใจผิด เนื่องจากข้อมูลไม่ครบถ้วน คลาดเคลื่อน ทั้งนี้ รฟท.มีที่ดินประมาณ 2.45 แสนไร่ แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ 1.ที่ดินที่ใช้งานปัจจุบัน ประมาณ 1.9 แสนไร่ กับที่ดินที่ยังไม่ได้ใช้งานคือยังไม่ได้ใช้เดินรถ ประมาณ 5.5 หมื่นไร่ ส่วนนี้ปัจจุบันนำไปจัดสรรหารายได้เชิงพาณิชย์ด้วยการให้เช่า จำนวน 5 พันไร่ และอยู่ระหว่างดำเนินการ 4.9 หมื่นไร่ ซึ่งมีบริษัทลูกขึ้นมาบริหารจัดการหารายได้ให้การรถไฟเพิ่มเติม และ 2.ที่ดินที่ไม่ได้ใช้เดินรถ และไม่สามารถหารายได้เชิงพาณิชย์ได้ หมายถึง พื้นที่ที่ยังมีปัญหา มีประชาชนบุกรุกโดยที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์แต่เข้ามาอยู่ในที่ดิน ประมาณ 1.88 หมื่นราย ส่วนนี้รฟท. ก็ได้บริหารจัดการโดยเข้าไปเจรจาดูแลให้ประชาชนมาเช่า ทำให้เกิดการอยู่อาศัยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนอีกประเภท คือ พื้นที่ที่รฟท. สันนิษฐาน มีความเชื่อว่าเป็นของรฟท. แต่มีการออกโฉนดที่ดิน นส.3 และเอกสารประเภทอื่น ขึ้นมาทับบนที่ของรฟท. ซึ่งมีหลายพื้นที่ รวมถึงพื้นที่เขากระโดงด้วย ซึ่งปัญหาการบุกรุก รฟท.มีการแต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมาแก้ไขปัญหา และมีการเจรจากับผู้บุกรุกนำไปสู่การเช่าอย่างถูกหมายหลายราย มีการมอบนโยบายให้กระทรวงคมนามคม และรฟท. ใช้หลักธรรมาภิบาลเข้ามาบริหารจัดการ

“ในส่วนของที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ก็มีปัญหาทั้งมีผู้บุกรุก และผู้ที่มีการออกเอกสารสิทธิ์ในที่ดิน ที่สันนิษฐานหรือเชื่อว่าเป็นของรฟท. ซึ่งมีการบริหารจัดการที่ดินเหมือนที่อื่นๆ รฟท.มีการเชิญชวนมาเช่าที่ดิน ส่วนปัญหาออกเอกสารสิทธิ์ที่เป็นของรฟท. หรือเชื่อว่าเป็นของรฟท. จากการสำรวจเมื่อต้นปี 64 มีการออกเอกสารสิทธิ์ของหน่วยงานราชการ คือ กรมที่ดิน ประมาณ 900 ราย กรณีแบบนี้จะเห็นว่า คนที่มีเอกสารสิทธิ์ได้ถือเอกสารที่ออกโดยหน่วยงานราชการ เขามีความมั่นใจว่าเป็นเอกสารที่ให้สิทธิ์ในการดำรงอยู่ในที่ดิน ขณะเดียวกัน รฟท.ก็มีความเชื่อว่าที่ดินตรงนั้นเป็นของรฟท. แต่รฟท. ถือหลักว่าจะไม่ฟ้องประชาชน เพราะเขาถือเอกสารสิทธิ์ของทางราชการให้ถือว่าเป็นผู้สุจริต แต่ที่มีคำพิพากษาศาล เพราะผู้ถือเอกสารสิทธิ์เหล่านั้น ไปขอออกโฉนด รฟท.จึงต้องเข้าไปพิสูจน์สิทธิ์ด้วยการต่อสู้ในศาล โดยให้ศาลพิสูจน์ความจริงและตัดสิน จึงเป็นที่มาของคำพิพากษาที่มีการกล่าวถึง ขอย้ำว่า รฟท.ไม่ได้ไปฟ้องประชาชน แต่ประชาชนไม่ขอออกโฉนด รฟท.จึงต่อสู้ และศาลเชื่อว่าเป็นของรฟท. จากนั้น รฟท.จึงมีหนังสือหารือกรมที่ดินว่าการออกเอกสารสิทธิ์ มีความคลาดเคลื่อนหรือไม่ ยืนยันว่า รฟท.ใช้ช่องทางไปหาผู้มีอำนาจตามกฎหมายในการพิสูจน์ข้อเท็จจริง” นายนิรุฒ กล่าว

นายนิรุฒ กล่าวอีกว่า ที่มาของคำวินิจฉัยของอัยการสูงสุด (อสส.) มาจากการที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้มีการพิจารณาที่ดินแปลงหนึ่งในบริเวณเขากระโดง และมีความเห็นว่าที่แปลงนั้นออกโฉนดโดยมิชอบ ไม่ได้บอกว่าคนที่ถือโฉนดนั้นไม่ชอบ จึงมีหนังสือแจ้งไปกรมที่ดินขอให้เพิกถอนโฉนด แต่กรมที่ดินไม่เพิกถอน โดยมีหนังสือถึงรฟท. และหารือไปยังอสส. โดยอสส.ตอบว่ากรมที่ดินให้รฟท.เป็นผู้ฟ้อง เพราะเป็นเจ้าของที่ดิน ด้วยความเคารพต่อคำวินิจฉัยของอสส. ประกอบกับรฟท.ยึดหลัก ว่าการไปฟ้องประชาชนในพื้นที่กว่า 900 ราย อาจจะไม่เหมาะสม เพราะประชาชนถือเอกสารสิทธิ์ของทางราชการ เรายังมีทางเลือกอื่นที่สามารถค้นหาข้อเท็จจริงได้คือกรมที่ดิน จึงเป็นที่มาของหนังสือที่ลงนามไปถึงกรมที่ดิน เพื่อขอพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริง ถึงที่มาที่ไปในการออกเอกสารสิทธิ์

“รฟท.ดำเนินการแบบนี้ในทุกพื้นที่ ไม่ใช่เฉพาะเขากระโดง เพราะในที่ที่ประชาชนถือเอกสารสิทธิ์ เราถือว่าเขาสุจริต แต่เราจะค้นหาความจริงจากผู้มีอำนาจตามกฎหมาย ไม่ระรานผู้ถือเอกสารสิทธิ์ ซึ่งเป็นหลักที่เรายึดมาต่อเนื่อง ไม่ใช่เพิ่งดำเนินการช่วงต้นปีหรือกลางปีนี้ รฟท.ยืนยันว่า เราไม่เลือกปฏิบัติ แต่เรื่องของประชาชนที่เข้ามาบุกรุกกคือประชาชนที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์อะไรเลย ลักษณะนี้เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการไปตามอำนาจหน้าที่ เราอาจจะดำเนินการฟ้องร้องผู้บุกรุกซึ่งเป็นไปตามอำนาจหน้าที่ ดังนั้น การบอกว่ารฟท.ฟ้องประชาชน แต่ไม่ฟ้องรัฐมนตรีเป็นการกล่าวหาที่คลาดเคลื่อน ขอยืนยันว่า รฟท. ได้ดำเนินการภายใต้กรอบกฎหมาย ระเบียบธรรมาภิบาลอย่างถูกต้อง โดยไม่เลือกปฏิบัติ ไม่ละเว้นหรือไม่ปฏิบัติอะไรเกินกรอบกฎหมาย เราคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติ และความสงบสุขของประชาชนเป็นสำคัญ” ผู้ว่าฯ รฟท. กล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image