‘กลุ่มโมกหลวง’ ยื่นหนังสือถึงสังฆราช ปม ‘พระยุ่งการเมือง’-จนท.รุดเชิญสงฆ์กลับวัด

‘กลุ่มโมกหลวง’ ยื่นหนังสือถึงสังฆราช ปม ‘พระยุ่งการเมือง’ – จนท. รุดเชิญสงฆ์กลับวัด หลังแจงเคยถูกคุกคาม

เมื่อเวลาประมาณ 14.40 น. วันที่ 11 กันยายน ที่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร กลุ่มโมกหลวงริมน้ำ เดินทางไปยื่นจดหมายถึง พระสังฆราช พระมหามุนีวงศ์ (อัมพร อมฺพโร) เพื่อเรียกร้องให้พระสังฆราชปกป้องสิทธิและสวัสดิภาพของพระสงฆ์และสามเณรทุกรูปอย่างเท่าเทียม ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ เถรสมาคม และตำรวจจำนวนมาก เฝ้าสังเกตการณ์

กลุ่มโมกหลวงริมน้ำระบุว่า ตามคำสั่งมหาเถรสมาคม พ.ศ.2538 ห้ามพระภิกษุสงฆ์สามเณรยุ่งเกี่ยวกับการเมือง การที่พระสงฆ์หรือสามเณรออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมืองจึงถูกลงโทษและกดดัน จากพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ หรือมหาเถรสมาคมอยู่หลายครั้ง ทั้งที่หลายท่านก็กระทำไปเพื่อเสรีภาพ สันติภาพ และภราดรภาพของฆราวาส อันเป็นพฤติกรรมอันสอดคล้องต่อกิจของสงฆ์

อีกทั้งสมณศักดิ์หลายตำแหน่งก็กระทำการในลักษณะเดียวกัน ถือว่าเป็นการยุ่งเกี่ยวกับการเมืองหรือไม่ หากใช่ แล้วเหตุใดสมณะเหล่านี้ถึงไม่ถูกลงโทษ

Advertisement

ทั้งนี้ ภายหลังกลุ่มโมกหลวงริมน้ำยื่นหนังสือผ่านตัวแทนมหาเถรสมาคม

พระสงฆ์รูปหนึ่ง ซึ่งเคยอดอาหารเรียกร้องให้ปล่อยตัวนักกิจกรรมทางการเมือง และเคยถูกสำนักงานพุทธศาสนาตักเตือน กล่าวกับนักกิจกรรม กลุ่มโมกหลวงริมน้ำว่า อาตมาถูกคุกคามหลายเรื่อง ทั้งสิทธิส่วนตัว ที่อยู่อาศัย อาหารการกิน จึงได้เห็นอาตมานั่งอดอาหาร นั่งตามที่ต่างๆ นี่คือการกดขี่ของรัฐและศาสนา ซึ่งพระพุทธเจ้าเปิดกว้างให้ทุกคน แต่ขอให้ศึกษาคำสอนของพระพุทธองค์ รื้อเทคนิค กุศโลบายของตน เพื่อให้หลุดพ้นวัฏสงสาร ไม่ใช่เป็นพระเพื่อเงิน เพื่อตำแหน่ง

พระพุทธเจ้าไม่ได้ห้ามพระยุ่งเกี่ยวการเมือง ถ้าพระมีคุณธรรมจะไม่เกิดปัญหา ธรรมะกับการเมือง คือสิ่งคู่กัน หากทำอย่างพอสมควร จะสงบสุข ร่มเย็น จะไม่เป็นปัญหา

“ที่เด็กออกมาเพราะไม่มีกิน หลวงพ่อก็ไม่มีกิน หลวงพ่อจึงออกมา” พระสงฆ์กล่าว

ทั้งนี้ ได้มีเจ้าหน้าที่มหาเถรสมาคมเดินเข้ามาหาพระสงฆ์ ก่อนกล่าวว่า พระอาจารย์กลับไปปฏิบัติธรรมที่วัดได้แล้วครับ

พระสงฆ์ตอบกลับว่า “วัดไหนล่ะ” และว่า การเข้าพรรษา คือการปวารณา ให้พระผู้น้อยสามารถตำหนิพระผู้ใหญ่ได้ พระผู้ใหญ่ก็ตำหนิพระผู้น้อยได้

จากนั้นพระสงฆ์รูปดังกล่าวแสดงใบสุทธิ โดยเจ้าหน้าที่สอบถามว่า บวชตอนไหน พระสงฆ์จึงตอบว่า บวชตอนไหน ไม่สำคัญ แต่มีใบสุทธิก็พอ นี่แหละคือการคุกคาม

เจ้าหน้าที่กล่าวต่อวา “ไม่ได้คุกคาม” ก่อนเชิญไปจำพรรษา ฏิบัติธรรมที่วัด

เจ้าหน้าที่กล่าวกับนักกิจกรรม กลุ่มโมกหลงริมน้ำว่า ข่วยดูพระรูปนี้หน่อย อยากให้ปฏิบัติตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในช่วงเข้าพรรษา ไม่ได้จะคุกคาม พระดี ปฏิบัติดี เราต้องส่งเสริม มีส่วนน้อยที่ปฏิบัติผิดพระธรรมวินัย ผิดกฎหมายบ้านเมือง ก็ต้องดำเนินการตามความผิด ไม่มีที่อยู่ดีๆ ไปจับสึก หรือคุกคามได้

นักกิจกรรมกลุ่มโมกหลงริมน้ำกล่าวว่า อยากให้ทางสำนักงานพระพุทธศาสนา เถรสมาคม ชี้แจงต่อสาธารณชน เมื่อมีข่าวลือของมหาเถรสมาคม หากมีข่าวจริงจากองค์กรโดยตรง ประชาชนก็จะสามารถอ้างอิงได้ ก่อนกล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่และแยกย้ายกลับ

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image