บก.ลายจุด ย้อนสมรภูมิดินแดงปี’53 ชาวเน็ตหวั่น ‘หนังภาคต่อ’

บก.ลายจุด ย้อนสมรภูมิดินแดงปี’53 ชาวเน็ตหวั่น ‘หนังภาคต่อ’

เมื่อเวลา 10.53 น. วันที่ 12 กันยายน นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด ผู้ริเริ่มกิจกรรมคาร์ม็อบสมบัติทัวร์​ ได้โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก บอกเล่าประสบการณ์การต่อสู้ทางการเมืองของคนเสื้อแดง ที่บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง และแยกราชประสงค์ ในปี 2553 ความว่า

17 พค 53
ราชประสงค์ถูกทหารล้อมจากทุกทิศทาง
พวกมันใช้กระสุนจริงและยิงคนด้วยสไนเปอร์

มวลชนจำนวนหนึ่งพยายามหาทางเข้าไปที่ราชประสงค์ โดนยิงบาดเจ็บและเสียชีวิต เสียงปืนดังตลอดทั้งวัน กระสุนนับแสนถูกเบิกและยิงออกไป แม้แต่คนที่ยืนดูเหตุการณ์บนระเบียงคอนโดก็ยังโดนยิงตาย

ผมรับคำร้องขอจากมิตรสหายท่านหนึ่งให้ตั้งเวทีที่สามเหลี่ยมดินแดง ภารกิจมีเพียงสิ่งเดียวคือ การดึงมวลชนไม่เข้าไปใน Red Zone หรือทุ่งสังหาร ผมรับผิดชอบเส้นทางวิภาวดีรังสิตก่อนเข้าราชปรารภซึ่งมีผู้เสียชีวิตหลายคน

Advertisement

ชายกลางคนผู้หนึ่งยืนคุยกับผมที่สามเหลี่ยมดินแดง เขาเล่าเหตุการณ์ว่าเขาเห็นอะไรมาบ้างก่อนที่ผมจะมาตั้งเวทีที่นี่ แน่นอนว่ามันเป็นภาพของการใช้ความรุนแรง เอาจริงๆ มันคือการเข่นฆ่าประชาชนจากผู้มีอำนาจรัฐ

คุยกันสักพักชายคนนั้นก็กล่าวคำลา ผมถามเขาว่าจะไปไหน เขาบอกว่าเขาจะขับรถเข้าไปที่ราชปรารภ ผมพูดเสียงอันดังว่าจะเข้าไปทำไม คุณเพิ่งจะบอกผมไม่ใช่เหรอว่าที่นั่นมีคนถูกยิงหลายคน ชายคนนั้นบอกผมว่า เขาไม่กลัวเขาจะไปสู้กับมัน แล้วเขาก็ขับรถหายเข้าไปท่ามกลางควันไฟจากยางรถยนต์และเสียงปืน

ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น ตลอด 3 วันที่ผมอยู่ที่เวทีใต้ทางด่วนสามเหลี่ยมดินแดง ผมเห็นการต่อสู้ทุกรูปแบบที่คนธรรมดาคนหนึ่งจะคิดอ่าน ส่วนผมไม่ได้มาต่อสู้ ผมมาพาคนออกจากทุ่งสังหาร

Advertisement

ทั้งนี้ มีผู้ร่วมแสดงความคิดเห็นต่อโพสต์ดังกล่าว อาทิ

“เหมือนเป็นหนังภาคต่อ ที่เว้นการถ่ายทำไป 11 ปี แต่นักแสดงภาคนี้เชื่อว่าจะมีผู้เขียนบท เขียนตอนจบให้มันแตกต่างไปจากเดิม”

“ตอนนี้ไม่ใช่มีชายคนหนึ่งแล้วค่ะ แต่มีหญิงชายหลายคนที่กล้าเดินเข้าแดนสังหาร คิดแล้วเศร้าประเทศ เรามาถึงจุดนี้ได้ไง”

“ปี 53 ผมก็อยู่ฝั่งงามดูพลี พระราม 4 ทหารอยู่ฝั่งสวนลุมไนท์บาซาร์เก่า ทั้งปืนกลและปืนสไนเปอร์อยู่บนตึก เสียงปืนดังอยู่ตลอด ต้องถึงกับเอาทหารมาฆ่ากันเลยหรอ รู้สึกหดหู่มากที่เสียพี่น้องคนเสื้อแดง ทำรุนแรงต้องไม่เกิดขึ้นอีกต่อไป ถ้าพวกคุณลาออก ทุกอย่างมันก็จบ จะได้ไม่ต้องมีคนล้มตาย ขอระลึกถึงผู้ที่จากไปจากการชุมนุมปี’53”

“ใครที่เคยผ่านยุคนั้นจะรู้ว่าความรุนแรงไม่ใช่ทางออก การเมืองและไหวพริบชิงจังหวะต่างหากคือสิ่งที่ต้องสู้ เราต้องสู้แบบจระเข้นิ่งอดทนรอเพื่อรอจังหวะเท่านั้น ช่วงนั้นม็อบสมทบค้างเติ่งกันที่รอบจุดสลายเยอะมาก เข้าไปสมทบ ไม่ได้กั้น ไม่วาง มันยิงร่วงหมด”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image