‘บิ๊กป้อม’ นั่งหัวโต๊ะ ‘คจร.’ ไฟเขียว ‘โครงการพัฒนาระบบคมนาคม’ เคลื่อนยุทธศาสตร์ EEC

‘บิ๊กป้อม’ นั่งหัวโต๊ะ ‘คจร.’ ไฟเขียว ‘โครงการพัฒนาระบบคมนาคม’ ขับเคลื่อนสู่ยุทธศาสตร์พัฒนาพื้นที่ EEC หนุนไทยเป็นศูนย์กลางอาเซียน

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 20 กันยายน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) ครั้งที่ 2/2564 โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เข้าร่วมประชุม

โดยที่ประชุมเห็นชอบ การพัฒนาระบบคมนาคม และการแก้ไขปัญหาการขนส่ง การจราจรทางบก ได้แก่ แผนแม่บทการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะ กลุ่มจังหวัด ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี และระยอง สำหรับรองรับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เพื่อขับเคลื่อนโครงการไปสู่การปฏิบัติ ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาพื้นที่ EEC และเห็นชอบโครงการศึกษาจัดทำแผนการพัฒนาโครงข่ายทางรถไฟ ร่วมกับทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (Motorways-Railways Masterplan : MR-Map)

ทั้งนี้ มีการจัดทำร่างโครงข่ายเส้นทางเบื้องต้น จำนวน 10 เส้นทาง มีระยะทางรวม 6,540 กิโลเมตร โดยจัดทำเป็นโครงการนำร่อง 4 เส้นทาง ได้แก่ 1.เส้นทาง กาญจนบุรี (ด่านเจดีย์สามองค์)-อุบลราชธานี (สะพานมิตรภาพแห่งที่ 6) 2.เส้นทาง ชุมพร-ระนอง 3.เส้นทางหนองคาย-แหลมฉบัง และ 4.เส้นทางวงแหวนรอบนอก กทม.รอบที่ 3 ซึ่งจะก่อให้เกิดการเชื่อมโยงระบบโลจิสติกส์ของประเทศไทย และเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งทางถนน, ทางราง, ทางน้ำ และทางอากาศ เพื่อสนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคอาเซียน

Advertisement

นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นชอบโครงการระบบขนส่งสาธารณะ เพื่อเชื่อมต่อการเดินทางสถานีรถไฟฟ้าสายสีแดง (สถานีรังสิต) จ.ปทุมธานี โดยมีรูปแบบการเดินรถที่สอดคล้องกับระบบรถไฟฟ้า(on Schedule services) ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และให้บริการได้กับประชาชนทุกคน รวมถึงผู้พิการด้วย ทั้งนี้ ที่ประชุมได้รับทราบความคืบหน้า แผนการติดตั้งระบบจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางแบบไม่มีไม้กั้น (M-Flow) ซึ่งจะเปิดให้บริการตุลาคม 2564 จำนวน 4 ด่าน (ด่านทับช้าง 1, 2, ด่านธัญบุรี 1, 2)

พล.อ.ประวิตรกล่าวเน้นย้ำว่า กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องมีการบูรณาการทำงานร่วมกันอย่างจริงจัง ต้องเร่งรัดแผนงานและโครงการให้รวดเร็ว สามารถรองรับการบริการประชาชนได้อย่างทั่วถึง ทั้งการขนส่งและการจราจร เพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ให้ก้าวหน้าอย่างไม่มีขีดจำกัดในอนาคตต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image