‘ยุทธพงศ์’ จวก ‘บิ๊กตู่’ ให้ ‘บิ๊กป้อม’ นั่งประธาน สทนช. ดูแลเรื่องน้ำแต่ล้มเหลว ซ้ำทุจริตซื้อเครื่องสูบน้ำถี่ยิบ

‘ยุทธพงศ์’ จวก ‘บิ๊กตู่’ เซ็นให้ ‘บิ๊กป้อม’ เป็นประธาน สทนช.ดูแลเรื่องน้ำแต่ล้มเหลว ซ้ำทุจริตซื้อเครื่องสูบน้ำถี่ยิบ

เมื่อเวลา 10.00 น. เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ที่พรรคเพื่อไทย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงว่า กรณีอุทกภัยน้ำท่วมใหญ่ของประเทศ อยากจะขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มาฟังว่าทุกวันนี้เกิดอะไรขึ้น หรือเกิดจาก พล.อ.ประยุทธ์ ที่หลังจากการปฏิวัติไปยกเลิกงบเงินกู้ 3.5 แสนล้านบาท ของสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมทั้งประเทศ และเพื่อไม่ให้เกิดน้ำท่วมซ้ำเหมือนปี’54

และกลับตั้งหน่วยงานขึ้นมาใหม่ คือสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) โดยใช้คำสั่ง ม.44 ที่ 46/2 560 เพื่อทำการบูรณาการน้ำทั้งหมดที่กระจายไปยังกระทรวงต่างๆ ให้มาอยู่ภายใต้ สทนช. เช่น 1.กรมชลประทาน อยู่ในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ กรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล อยู่ในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกรมส่งเสริมปกครองท้องถิ่น อยู่ในสังกัดกระทรวงมหาดไทย นำมาบูรณาการร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วม นี่แหละคือความคิดของ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามนั้น น้ำกลับท่วมทะลักมากขึ้นกว่าเดิม ทำให้ประชาชนเดือดร้อนไปทั้งประเทศ

นายยุทธพงศ์กล่าวว่า ต่อมามีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 166/2562 เรื่องมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี คือ พล.อ.ประวิตร มอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่เป็นประธานกรรมการแทนนายกรัฐมนตรี ที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายดังนี้ 1.คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ลงวันที่ 30 กรกฎาคม 2562 ลงนามโดย พล.อ.ประยุทธ์ ดังนั้น ในกรณีเกิดอุทกภัยและน้ำท่วมในปีนี้ทั่วประเทศ พล.อ.ประวิตรจะบอกว่าไม่รู้ เป็นไปไม่ได้ เพราะเป็นคนคุม และดูแลเรื่องน้ำทั้งหมด

ขณะเดียวกันนอกจากจะคุมเรื่องน้ำแล้วยังเกี่ยวข้องกับงบประมาณด้วย ถึงไปเกี่ยวข้องกับ พล.อ.ประยุทธ์ เนื่องจากเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2564 ทางคณะรัฐมนตรีอนุมัติงบประมาณ 3,248 ล้านบาท ในการบริหารจัดการน้ำไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วมน้ำแล้ง หรือเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับอุทกภัย หรือเตรียมเครื่องจักรเครื่องสูบน้ำสำหรับฤดูฝน ปรากฏว่าเงินส่วนกลางที่อนุมัติมาก็กระจายไปตามกรมต่างๆ อาทิ 1.กรมชลประทาน ได้ไปประมาณ 1,202 ล้านบาท โดยนำเงินก้อนนี้ไปทำสถานีสูบน้ำ และซื้อเครื่องสูบน้ำ 2.กรมทรัพยากรน้ำ ได้ไปประมาณ 48 ล้านบาท 3.กรมทรัพยากรน้ำบาดาล ได้ไปประมาณ 1,447 ล้านบาท โดยระบุว่าเอาไปเตรียมการสำหรับซื้อเครื่องสูบน้ำ

Advertisement

ซึ่งงบกลางประจำปี 2564 เป็นรายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉิน หรือจำเป็นเพื่อใช้ในการดำเนินการจัดซื้อเครื่องจักรกล สำหรับรองรับแก้ปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง ซึ่งรายการที่ 11 ระบุว่าเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉิน หรือจำเป็น ประจำปี 2564 ตั้งไว้จำนวน 614,000 ล้านบาท และปี 2565 ตั้งไว้จำนวน 517,000 ล้านบาท โดยเงินจำนวนนี้เป็นเงินที่ พล.อ.ประยุทธ์นำไปให้ พล.อ.ประวิตร ดังนั้น การที่จะขออนุมัติงบใดๆ ทั้งสิ้นก็แล้วแต่นายกฯจะเป็นคนอนุมัติทั้งหมด

นายยุทธพงศ์กล่าวว่า ส่วนงบกลางที่จัดซื้อที่สูบน้ำ แทนที่จะนำไปซื้อข้าว ซื้ออาหาร หรือเยียวยาประชาชนที่เดือดร้อน แต่กลับเอาเงินมาซื้อเครื่องสูบน้ำมันสมควรแล้วหรือไม่ โดยการจัดซื้อระบบไฮดรอลิคเครื่องจักรกล ขอย้ำว่าการจัดซื้อตรงนี้ไม่เกี่ยวกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ หรือกรมชลประทาน แต่ใช้เงินงบกลางโดย พล.อ.ประยุทธ์เป็นผู้อนุมัติ ซึ่งการซื้อก็แตกต่างจากปกติทั่วไป โดยการคัดเลือกร้านค้าบริษัทโดยตรง โดยมีการแบ่งส่วนเครื่องจักรกล ในหลายๆ จังหวัด ประกอบด้วย ศูนย์เครื่องจักรกล 1 อยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ศูนย์เครื่องจักรกล 2 อยู่ที่จังหวัดพิษณุโลก ศูนย์เครื่องจักรกล 3 อยู่ที่จังหวัดขอนแก่น ศูนย์เครื่องจักรกล 4 อยู่ที่จังหวัดโคราช ศูนย์เครื่องจักรกล 5 อยู่ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ศูนย์เครื่องจักรกล 6 อยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรี และศูนย์เครื่องจักรกล 7 อยู่ที่จังหวัดสงขลา และวิธีพิสูจน์ค่อนข้างพิสดารเนื่องจากมีการแบ่งซื้อแบ่งจ้าง โดยอนุมัติให้แต่ละศูนย์สั่งซื้อเครื่องจักรกลไม่เกิน 25 ล้านบาท ปรากฏว่ารายการจัดซื้อไม่โปร่งใส เหมือนเป็นการล็อกสเปก ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์จะต้องฉีกทิ้งอีบิดดิ้ง และยกเลิกอีออฟชั่นของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

Advertisement

“คนที่จะต้องรับผิดชอบเรื่องนี้คือ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นถึงนายกรัฐมนตรี อย่างไรงบกลางก็เป็นอำนาจนายกรัฐมนตรีอยู่แล้ว ทำไมถึงไม่นำงบกลางไปเยียวยาช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนรวมถึงประชาชนในภาคอีสานบ้าง ซึ่งปีที่แล้วแทบจะทุกครัวเรือนได้รับเงินเยียวยาจำนวน 5,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน แต่ปีนี้กลับไม่ได้ จึงอยากถามว่าเอาเงินไปทำอะไรหมด โดยหลังจากนี้ผมจะนำเอกสารและเรื่องราวทั้งหมด เกี่ยวกับ พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตร มาเปิดเผยทุกสัปดาห์ ทั้งนี้ ในวันที่ 12 ตุลาคมนี้ ซึ่งเป็นวันประชุมใหญ่ของพรรค ผมจะนำเรื่องทุจริตไปปรึกษากับหัวหน้าพรรค เพื่อขอขยายเวลาแถลงเป็นวันพุธอีก 1 วัน จากวันเสาร์และอาทิตย์ และขอฝากถามว่าหากผมไปยื่นเรื่องเกี่ยวกับการอนุมัติงบกลาง งบของ สนทช.และงบน้ำท่วม พล.อ.ประยุทธ์จะรับเรื่องไปตรวจสอบหรือไม่” นายยุทธพงศ์กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image