หน.พรรคก้าวไกลประกาศพร้อมสู้จังหวัดภาคตะวันออก บอกกติกาเลือกตั้งใหม่ก็พร้อม ดันพรรคเป็นสถาบันการเมือง

เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ที่ห้องประชุมโรงเรียนเขาสมิงวิทยาคม อ.เขาสมิง จ.ตราด นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรค ประกอบด้วย นายวุฒินันท์ บุญชู จ.สมุทรปราการ ,นายธีรชัย พันธุมาศ,นางศิริกัญญา ตันสกุล ,นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล นายสุรเชษ ปลิณวงค์วุฒิ และนางวรรณิภา ไม้สน
ร่วมเวที “หัวหน้าพรรคก้าวไกลร่วมรับฟังความคิดเห็นของภาคเอกชน” ที่นายศักดินัย นุ่มหนู สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.ตราด เป็นผู้จัดขึ้นโดยมีภาคเอกชนหลักของจังหวัดตราดประกอบด้วย นายสัคศิษฎ์ มุ่งการ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จ.ตราด ,นายวุฒิพงษ์ รัตนมนต์ ประธานหอการค้า จ.ตราด ,นายพิพัฒน์ ฤกษ์สหกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมภาคตะวันออก เขต 2 นายสว่าง ชื่นอารมณ์ ประธานสภาการเกษตรจ.ตราด นายสมเกียรติ สมรรถการ นายกสมาคมอนุรักษ์และพิทักษ์สิ่งเเวดล้อมจ.ตราด นายณรงค์ ชัยศิริ นายกสมาคมประมงจ.ตราด เป็นต้น ร่วมพร้อมเอกชนเข้าร่วมกว่า 30 คน

ก่อนเข้าร่วมเวที นายพิธาให้สัมภาษณ์ว่าถึงการเดินทางมายัง 3 จังหวัดในภาคตะวันออกว่า การเดินทางมา 3 จังหวัดในภาคตะวันออกครั้งนี้มาด้วยหมวกหลายใบ ใบหนึ่งก็คือ ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาของพรรคอนาคตใหม่ได้รับการไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนมากทั้งปราจีนบุรี ,ระยองแพ้ไปนิดเดียว จันทบุรีได้ทั้ง 3 เขต จ.ตราดได้ 1 เขตซึ่งการเดินทางมาก็เพื่อทำงานการเมืองที่ต่อเนื่อง และต้องการรับฟังปัญหาของพี่น้องประชาชนในพื้นที่เพื่อนำไปแก้ไข ทั้งราคาผลผลิตทางการเกษตร การท่องเที่ยว หรือปัญหาโควิด-19 สถานการณ์ที่น่าห่วงและต้องทำไปแก้ไขก็คือสถานการณ์โควิด-19 ที่ จ.ปราจีนบุรี และจันทบุรีที่เพิ่มสูงขึ้นถึง 20% หรือ 450 คน ซึ่งทุบสถิติ ตราด 8% ซึ่งยังโชคดี ทั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า การแก้ปัญหาในพื้นทีทยังมีปัญหา เพราะส่วนกลางไม่เข้ามาสนับสนุนในท้องถิ่น รวมทั้งงบประมาณไม่มีหรือมีน้อย จึงต้องเร่งดำเนินการแก้ไข

“อีกด้านหนึ่งคือ ได้มีการพบปะพูดคุยกับว่าที่ผู้สมัครของพรรค สมาชิกพรรค และผู้สนใจการเมืองในพื้นที่ที่มีความฝันในการทำงานการเมืองซึ่งทางพรรคยังไม่มีผู้สมัครครบในทุกเขตเลือกตั้ง จึงต้องมาหารือและกำหนดเป้าหมายทางการเมืองกัน ซึ่งการทีมพรรคประชาธิปัตย์ประกาศว่าในจำนวน 9 ที่นั่งในภาคตะวันออกมีโอกาสสูงที่จะได้รับทั้งหมดก็เป็นเรื่องของพรรคประชาธิปัตย์ แต่เราพรรคก้าวไกลเราทำงานการเมืองเพื่อคนส่วนใหญ่ของประเทศ แต่ใน 3 จังหวัดในภาคตะวันออกมีความเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร เพราะการมีครบทั้งน้ำทะเล ทั้งภูเขาทั้งถนนมอเตอร์เวย์ มีท่าเรือ มีวัตถุดิบ แต่การเรื่องการบริหารจัดการที่จะทำให้เกิดความสำเร็จ คือการที่จะเลือกผู้แทนราษฎรและเลือกผู้นำเข้าไปบริหารจัดการให้เกิดความสำเร็จ การเลือกผู้นำประชาชนต้องเลือกผู้ที่จะปรุงหรือผู้เจียรนัยเพชรให้งดงามเหมือนที่ จ.ตราด เลือกผู้แทนราษฎรของพรรคที่มีคุณภาพ”

นายพิธากล่าวอีกว่า ในส่วนของกติกาเลือกตั้งที่มี 2 ใบนั้น เรามักจะคิดว่าพรรคใดจะได้เปรียบเสียเปรียบซึ่งพรรคก้าวไกลไม่ได้สนใจแต่เราพร้อมที่จะปรับตัว และเรายังมีเวลา และจะต่อสู้ในทุกมิติ ทุกกติกาแน่นอน เพราะหากเราเป็นรัฐบาลที่ดี อำนาจจะต้องอยู่ที่ประชาชนแต่หากเราจะกำหนดกติกาอะไรออกมาเพื่อให้ตัวเองได้เปรียบก็เป็นเรื่องของเขา แต่เราก็ไม่บ่น แต่เราพร้อมจะสู้ไม่ว่าจะ 400 หรือ 100 เพราะพรรคก้าวไกลมีวิธีการสู้ เพราะปลายทางของเราคือสถาบันการเมืองที่เคารพกฎหมาย

Advertisement

“สำหรับคะแนนนิยมของผมและของพรรคนั้นจะเก็บไว้เป็นกำลังและทำงานให้หนักมากขึ้น แต่ไม่ได้ประมาท ท่ามกลางวิกฤตการณ์การเมืองทีทผมจะต้องพิสูจน์ถึงภาวะผู้นำ วิสัยทัศน์ในการทำงาน และไม่ว่าจะมีคะแนนมากน้อยเพียงใดก็จะทำงานให้มากกว่าเดิม” นายพิธากล่าว

หลังจากนั้นนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้เข้าร่วมหารือกับภาคเอกชนจนถึงเวลา 16.00 น. และเดินทางไปยังตลาดเอกสิน ต.หนองเสม็ด อ.เมือง จ.ตราด เพื่อพบพี่น้องประชาชน และในเวลา 18.00 น. จะร่วมงานกับสมาคมประมง จ.ตราด จนถึงเวลา 19.00 น.

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image