พท.โหวตลับ-มติขับ ‘ศรัณวุฒิ-พรพิมล’ พ้นพรรค ชี้ปฏิปักษ์-ผิดซ้ำซาก ‘บิ๊กตู่’ ลั่นไม่ยุบสภา-แจงวุ่นอยู่5ปี ป.ป.ช.ตีตกคดี ‘บิ๊กติ๊ก’ ซุกทรัพย์สิน
เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อารมณ์ดีแซวเรื่องชุดแต่งกายของรัฐมนตรีแต่ละคนที่มีสีสันสดใส ในช่วงต้นของการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ ได้พูดถึงการกระแสข่าวยุบสภาและเลือกตั้งว่า “ก็อย่าเพิ่งไปวุ่นวายมาก รัฐบาลจะทำงานช่วยเรื่องน้ำท่วมและโควิด-19 ก่อน ผมยืนยันว่าไม่มีแนวคิดเหมือนที่สื่อเล่นกัน 5 ปีที่ผมพูดหมายถึงจากผลงานที่ทำมาให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น ไม่ได้หมายความว่าผมจะอยู่ยาวอีก 5 ปี”
มีรายงานข่าวจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) แจ้งว่า ในการประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.วันที่12 ตุลาคม ที่ประชุมป.ป.ช.ได้หยิบยกคดีที่พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม น้องชายพล.อ.ประยุทธ์ ถูกแจ้งข้อกล่าวหาปกปิดบัญชีทรัพย์สินในส่วนของรายการบ้านและที่ดิน มาพิจารณาก่อนจะมีมติ 8 ต่อ 1 ตีตก ข้อกล่าวหาดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่า สิ่งที่พล.อ.ปรีชาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาฟังขึ้น เห็นว่า พล.อ.ปรีชาขาดเจตนาจงใจปกปิด
ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) มีการประชุมคณะกรรมการบริหาร(กก.บห.)พรรค พท.เพื่อพิจารณาความผิด 2 ส.ส.คือนายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ และนางพรพิมล ธรรมสาร ส.ส.ปทุมธานีที่โหวตสวนมติพรรคในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลช่วงที่ผ่านมา โดยได้นำผลการตัดสิน ไปประชุมร่วมกับ ส.ส.ของพรรค เพื่อขอมติจาก ส.ส.เพื่อขับพ้นจากความเป็นสมาชิก อย่างไรก็ตาม ได้เปิดให้ ส.ส.ลงคะแนนแบบลับโดยการหย่อนบัตรลงหีบ ทั้งนี้ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค แถลงผลว่า กก.บห.พรรคได้พิจารณารายงานการสอบสวนวินัย และจริยธรรมของคณะกรรมการวินัยและจริยธรรมแล้วมีมติ ดังนี้ 1.นายศรัณย์วุฒิมีพฤติการณ์กล่าวหาพรรคและผู้บริหารด้วยการแถลงต่อสื่อหลายครั้งมีลักษณะเป็นปฏิปักษ์ต่อพรรค ทำลายภาพลักษณ์และชื่อเสียงของพรรค ก่อความเสียหายอย่างร้ายแรง ฝ่าฝืนข้อบังคับพรรค 2.นางพรพิมลมีพฤติการณ์ฝักใฝ่พรรคการเมืองอื่น ไม่ยืดมั่นในเจตนารมณ์และอุดมการณ์ของพรรค กระทำผิดซ้ำสองในพฤติการณ์เดียวกันซึ่งพรรคได้เคยมีมติลงโทษไปแล้ว
นายประเสริฐ กล่าวอีกว่า ประชุมร่วมกันระหว่างกก.บห.พรรคและ ส.ส.จำนวน 143 คน มีผู้มาใช้สิทธิออกเสียง 135 คน ซึ่งตามข้อบังคับพรรคต้องใช้เสียง 3 ใน 4 ของจำนวนสมาชิก คือ 108 คน ผลการลงคะแนนนายศรัณย์วุฒิ ส.ส.มีมติเห็นด้วยตามมติของกก.บห.ให้ลงโทษด้วยคะแนน 131 เสียง ไม่เห็นด้วย 2 เสียง บัตรเสีย 2 เสียง ส่วนนางพรพิมล มีมติเห็นด้วย 134 คน ไม่เห็นด้วย 1 เสียง ดังนั้นที่ประชุมจึงมีมติให้ทั้งสองพ้นจากสมาชิกภาพความเป็น ส.ส.ของพรรค และให้มีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หลังจากนี้พรรคจะแจ้งทั้งสองคนให้รับทราบมติ และพรรคจะได้แจ้ง กกต.เพื่อให้ทราบผลการลงมติดังกล่าว โดยทั้งสองท่านสามารถหาพรรคสังกัดใหม่ได้ภายใน 30 วัน
