‘นิธิ’ ยืนหยุดขัง 112 นาที ชู 3 นิ้ว ในโอกาส 14 ตุลา ที่ข่วงท่าแพ บอกบทเรียนจากอดีตไม่มีวันได้ประชาธิปไตย ต้องต่อสู้ตลอดเวลา ‘ป้านิ่ม’ คนเดือนตุลา วอนคนรุ่นใหม่รวมพลังนับล้าน ต้านเผด็จการซ่อนรูป เชื่อผู้มีอำนาจรับฟัง-เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น ด้านตำรวจกำชับไม่เน้นปะทะ ห้ามมีมือที่ 3 สร้างสถานการณ์
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 14 ตุลาคม ที่ข่วงท่าแพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง นักวิชาการ กลุ่มเสื้อแดง และประชาชนทั่วไป จัดกิจกรรม “ชาวพิจิตรปลดแอก บุกประตูท่าแพ เชียงใหม่” เนื่องในโอกาส 14 ตุลาคม เพื่อจัดนิทรรศการรำลึกผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมระดมทุนช่วยเหลือผู้ต้องหาคดีทางการเมือง และจัดกิจกรรมด้านศิลปะ วาดภาพเพื่อแสดงความคิดเห็นและแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ มี ศ.ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์ นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ เข้าร่วมกิจกรรมยืนหยุดขังเป็นเวลา 112 นาที โดยนำป้ายคล้องคอ ข้อความว่า “สิทธิประกันตัว ออกมาสู้คดี เป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน ที่ทุกคนสมควรได้รับ” พร้อมชู 3 นิ้ว โดยมีประชาชนที่สัญจรผ่านไปมาชู 3 นิ้วตอบรับ พร้อมตะโกนว่า “ประยุทธ์ออกไป” โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 100 คน โดยกิจกรรมดังกล่าวมีจนถึงเวลา 20.00 น. รวมเวลากว่า 4 ชั่วโมง
ระหว่างกิจกรรมดังกล่าว มีการติดป้ายข้อความว่า “หยุดขัง = หยุดฆ่า” “หยุดบ้าอำนาจ” และ “ศรัทธาเกิดจากใจ หาใช่บังคับ” พร้อมยืนหยุดขังด้านหน้าข่วงท่าแพ เพื่อยกเลิกมาตรา 112 โดยระบุว่า กฎหมายดังกล่าวกำจัดคนดี ส่งเสริมคนทำชั่ว โดยมี พ.ต.อ.ภูวนาถ ดวงดี ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ พร้อม พ.ต.ท.ปรัชญา ทิศลา รอง ผกก.ป.สภ.เมืองเชียงใหม่ นำกำลังดูแลความสงบเรียบร้อยและการจราจรกว่า 30 นาย พร้อมรถสายตรวจ 2 คัน มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงและการข่าวสังเกตการณ์กว่า 10 หน่วยงาน เพื่อรายงานผู้บังคับบัญชาตามลำดับ ซึ่ง พ.ต.ท.ปรัชญาได้กำชับเจ้าหน้าที่ไม่เน้นปะทะกับผู้ชุมนุม ไม่มีมือที่ 3 สร้างสถานการณ์ ดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินประชาชนเป็นหลัก
ศ.ดร.นิธิให้สัมภาษณ์ว่า ประชาธิปไตยที่ยั่งยืนต้องต่อสู้ไม่หยุด ไม่ว่า 6 ตุลา หรือ 14 ตุลา ไม่ใช่ครั้งใดครั้งหนึ่งแล้วจะสำเร็จ มันไม่ง่ายอย่างนั้น แต่อย่ายอมกับความไม่เป็นธรรม อย่ายอมกับการกดขี่ ต้องลุกขึ้นมาสู้ บทเรียนจากอดีต ไม่มีวันได้ประชาธิปไตย หากไม่ลุกขึ้นมาสู้ ต้องสู้ตลอดเวลา ส่วนการถอดบทเรียนจากประวัติศาสตร์ ไม่มีอะไรฝากเยาวชนคนรุ่นใหม่ เพราะเขาเก่งกว่าผมแล้ว
ด้านป้านิ่ม หรือสหายรัฐ อายุ 61 ปี นักเคลื่อนไหวการเมือง จ.เชียงใหม่ ในฐานะคนเดือนตุลา กล่าวว่า กิจกรรมดังกล่าวเพื่อต่อต้านอำนาจเผด็จการซ่อนรูป และขับเคลื่อนประชาธิปไตยให้เป็นอำนาจของประชาชนทุกคนไม่ทนกับอำนาจแฝงที่กดขี่ บังคับประชาชนให้ยอมทำตาม หรือใช้กฎหมายเล่นงานฝ่ายตรงข้าม นำไปกักขังและไม่ยอมให้ประกันตัว ดังนั้น อยากให้เยาวชนคนรุ่นใหม่รวมพลังออกมาต่อสู้ไม่หยุด ถ้ารวมพลังได้นับล้านคนเชื่อว่าผู้มีอำนาจรับฟัง และเกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น
