สาธิต เปิดใจหลังรับไม้ต่ออนุทุน ดูแลกัญชาเพื่อการแพทย์ ยันไม่มองถึงการเมือง ต้องการทำงาน อำนาจเต็มยังอยู่ที่ รมว.สธ.
จากกรณีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ออกคำสั่งปรับภารกิจการทำงานรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข(รมช.สธ.) ให้มีการดูแลหน่วยงานในกำกับรวม 8 หน่วยงาน มีสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กรมอนามัย กรมการแพทย์แผนไทยฯ สถาบันพระบรมราชชนก สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข และสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล โดยมีผลตั้งแต่บัดนี้ แต่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า จะมาดูเรื่องกัญชาเป็นพิเศษ เพื่อเดินหน้าหรือมีประเด็นทางการเมืองหรือไม่อย่างไร
เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงการรับภารกิจจาก นายอนุทิ ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรม.สาธารณสุข ที่ให้กำกับการดูหน่วยงานกำกับเพิ่มเติมกรณีคำถามเรื่องดูงานกัญชา เป็นพิเศษหรือไม่ ว่า ดูทุกเรื่อง อย่างเรื่องสมุนไพร จะมีสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จะทำเรื่องนโยบายเรื่องพืชสมุนไพรไทยที่เป็นพื้นฐานการรักษาโรค ช่วยลดความแออัดรพ.ใหญ่ โดยจะเดินหน้าให้มีการใช้สมุนไพรเป็นตำรับยา และให้มีการกระจายตัวให้มากที่สุด และจะมีศูนย์กลางดูแลเรื่องนี้ เพื่อสนับสนุนเกษตรกรที่ทำเรื่องสมุนไพรมีตลาดส่งเสริมการปลูก
“ส่วนกัญชา จะเป็นกัญชาทางการแพทย์ที่สามารถเข้าถึงส่วนหลักๆ คือ เรื่องของลดความเจ็บปวด เรื่องการนอนหลับ การบำบัดเป็นลักษณะ AROMA THERAPY ต้องอธิบายให้ประชาชนเข้าใจมากขึ้นว่า การปลูกอย่างเดียวคงทำให้ครบวงจรไม่ได้ ต้องปลูกกับองค์กร เพื่อนำไปสกัดเป็นยา ซึ่งรวมทั้งกัญชง และกระท่อมด้วย” นายสาธิต กล่าว
เมื่อถามว่าแสดงว่ากัญชาจะเน้นกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้นหรือไม่ นายสาธิต กล่าวว่า ไม่ได้เชิงกระตุ้น เพราะทิศทางท่านรองนายกฯ เดินเรื่องกัญชาพอสมควรแล้ว แต่ครั้งนี้จะสร้างความเข้าใจให้ชัดเจนกับประชาชนถึงการใช้กัญชาทางการแพทย์มากยิ่งขึ้น รวมทั้งสร้างความเข้าใจคุณค่าของกัญชง และกระท่อมด้วย เพื่อให้เป็นทางการแพทย์มากขึ้น
เมื่อถามว่า การปรับภารกิจครั้งนี้มีเรื่องของข้อตกลงทางการเมืองระหว่างพรรคหรือไม่ นายสาธิต กล่าวว่า ไม่ได้มองเรื่องการเมือง ถือแค่ว่า ได้ทำงานก็ทำ วิถีการเมืองเป็นเรื่องของประชาชนที่จะติดตามว่า ใครทำหน้าที่อะไร จริงๆการมอบภารกิจครั้งนี้ก็ยังเป็นอำนาจเต็มของท่านรัฐมนตรีว่าการฯ อยู่ดี เพียงแต่ว่าเราก็ไปกำกับดูแล เพื่อสามารถสั่งการเป็นไปตามนโยบาย โดยเฉพาะนโยบายเร่งด่วนที่ตนต้องการให้ทำ
“นโยบายเร่งด่วนที่ผมต้องการให้ทำคือ การแก้ปัญหาพวกหมอกระเป๋า หมอเถื่อนต่างๆ ซึ่งต้องมีคณะกรรมการ มีศูนย์ มีหน่วยเฉพาะกิจขึ้นมาจัดการ ส่วนกรมวิทยาศาสตร์ฯก็จะเร่งเครือข่ายห้องปฏิบัติการ(โคแล็บ) และเรื่องอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.) โดยมอบให้ทางอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.) เดินหน้าทำค่าป่วยการให้อสม.เป็น 1,500 บาทตลอดชีพ โดยให้ทำเรื่องส่งมายังตน และจะเสนอต่อท่านรองนายกฯ ต่อไป” นายสาธิต กล่าว
