ก้าวไกลประหลาดใจ น้ำมันดิบไหลลงทะเล ถูกรายงาน 3 ครั้ง จำนวนไม่ตรงกัน-แถมน้อยลงเรื่อยๆ

‘ก้าวไกล’ จี้รัฐ-บริษัทน้ำมันดิบ รับผิดชอบกรณีน้ำมันรั่วมาบตาพุด พร้อมหามาตรการป้องกันอุบัติภัยในอนาคต

เมื่อเวลา 10.50 น. วันที่ 28 มกราคม ที่รัฐสภา น.ส.เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) แถลงกรณีท่อน้ำมันดิบใต้ทะเลของบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) มีน้ำมันดิบรั่วไหลจากท่อใต้ทะเลของทุ่นรับน้ำมันดิบกลางทะเล บริเวณพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง ว่าเมื่อคืนวันที่ 26 มกราคม ตนและ ส.ส.ก.ก.พร้อมด้วยคณะทำงานจังหวัดระยองของพรรค ก.ก.ได้เดินทางไปยังพื้นที่เพื่อติดตามกรณีนี้ และได้ประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่สำนักงานท่าเทียบเรือมาบตาพุด มีการสรุปรายงานตัวเลขประมาณการของน้ำมันดิบที่ไหลลงสู่ทะเล ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าประหลาดใจมาก เพราะมีตัวเลขหลายจำนวน ตัวเลขแรก คือ 4 แสนลิตร ต่อมามีการรายงาน จำนวน 160,000 ลิตร แต่ในการรายงานในคืนวันที่ 26 มกราคม คือ 5 หมื่นลิตรเท่านั้น นอกจากนี้ หน่วยงานผู้รับผิดชอบรายงานว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ไม่เกินเวลา 12.00 น. วันที่ 27 มกราคม แต่ก็ไม่สามารถขจัดคราบน้ำมันได้ทั้งหมดและไม่สามารถกำจัดวงของน้ำมันที่ลอยเหนือผิวน้ำได้ด้วย เนื่องจากขณะนี้น้ำมันในพื้นที่กระจายตัวและกำลังไหลเข้าสู่ชายฝั่งบริเวณใกล้เคียง จ.ระยอง ซึ่งล่าสุดตนได้ทราบข่าวจากทางคณะทำงานของพรรค ก.ก.จ.ระยอง ว่าคราบน้ำมันไหลเข้าถึงท่าเรือ IRPC แล้ว เหตุการณ์ครั้งนี้นับเป็นอุบัติภัยน้ำมันรั่วครั้งร้ายแรงอีกครั้ง ที่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกและมันจะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย ตราบเท่าที่ประเทศไทยยังผูกติดอยู่กับอุตสาหกรรมปิโตรเลียมและปิโตรเคมิคอลอยู่

น.ส.เบญจากล่าวต่อว่า ตนขอเรียกร้องไปยังรัฐบาล ดังนี้ 1.ขอให้หน่วยงานเกี่ยวข้องเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะอย่างชัดเจนและโปร่งใส ตอนนี้ประชาชนในพื้นที่สับสนอย่างมากจากการแจ้งข่าวที่มีข้อมูลไม่ตรงกันในแต่ละครั้ง 2.ถึงแม้ว่าทางบริษัทเอกชน SPRC จะแถลงการณ์ขออภัยในสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว แต่บริษัทยังต้องรับผิดชอบโดยการแจ้งเตือนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและชุมชนในพื้นที่ เพื่อเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณชนที่ชัดเจน และรับผิดชอบต่อผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อพี่น้องประชาชน ชาวประมง อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว รวมถึงระบบนิเวศทางทะเลชายฝั่ง เพราะตนได้รับหนังสือจากประชาชนที่กังวลต่ออาชีพ เนื่องจากถูกงดออกทะเลจับสัตว์น้ำ นอกจากนี้นักท่องเที่ยวบางส่วนยังยกเลิกการจองห้องพัก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวตามมา

น.ส.เบญจากล่าวอีกว่า 3.ขอให้มีการตั้งคณะกรรมการกลางเพื่อสอบสวนสาเหตุการเกิดน้ำมันรั่ว และประกาศขั้นตอนและกลไกการชดเชยความเสียหาย พร้อมทั้งตั้งกองทุนเยียวยาประชาชนผู้ที่ได้รับผลกระทบและฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเล รวมไปถึงพืชและสัตว์ทะเลทั้งระยะสั้นและระยะยาว และ 4.ขอให้หน่วยงานรัฐและเอกชน เปิดให้มีการจัดการปัญหาอย่างมีส่วนร่วม โดยเปิดให้ภาครัฐ เอกชน ภาคประชาสังคม นักวิชาการ ตัวแทนจากภาคประชาชน รวมทั้งสื่อมวลชน ได้เข้ามาติดตามและจัดการปัญหาร่วมกัน เพื่อนำไปสู่การชดเชยเยียวยาที่เป็นธรรม และจากนี้รัฐจะต้องมีกองทุนประกันความเสี่ยงจากอุตสาหกรรมปิโตรเลียม-ปิโตรเคมี และความเสี่ยงจากน้ำมันรั่ว พร้อมทั้งหามาตรการในการป้องกันอุบัติภัยที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตอีกด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image