“ผอ.อีเจเอฟ” ชม รบ.ได้แก้ปมประมงผิดกฎหมายคืบหน้า พร้อมแนะนำ 3 ประเด็น
เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หารือกับนายสตีฟ เทร็น (Steve Trent) ผู้อำนวยการบริหาร Environmental Justice Foundation (EJF) โดยมี พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน, พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล ปลัดกระทรวงกลาโหม และ พล.ร.อ.ณะ อารีนิจ ผู้บัญชาการทหารเรือ เข้าร่วมหารือว่า ทางนายสตีฟกล่าวถึงการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย รัฐบาลไทยได้พิสูจน์ให้เห็นถึงเจตนาทางการเมืองและความคืบหน้าในเชิงบวกกับการจัดการปัญหาดังกล่าวมาโดยตลอด จึงถือว่าความสำเร็จของประเทศไทยในการแก้ปัญหาดังกล่าวมีผลสำคัญต่อภูมิภาคและโลกด้วย พร้อมกันนี้ มูลนิธิ EJF ยังได้เน้นย้ำและให้คำแนะนำที่สำคัญใน 3 ประเด็น คือ 1.การพิจารณาความเหมาะสมของกฎหมายแรงงานเพื่อให้สามารถคุ้มครองทางกฎหมายแก่แรงงานข้ามชาติในทุกภาคส่วน 2.การดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพต่อการบริหารจัดการและควบคุมเรือประมง และ 3.การลดจำนวนเรือประมง ให้มีความเหมาะสมกับทรัพยากรทางทะเลที่มีอยู่ ทั้งนี้ทางมูลนิธิยังชื่นชมถึงความตั้งใจจริงของรัฐบาลและเห็นถึงความเป็นผู้นำของประเทศไทยต่อการแก้ปัญหาดังกล่าวในภูมิภาค และหวังว่าไทยจะสามารถดำเนินการได้ทันเวลา ก่อนการตัดสินเรื่อง IUU จากสหภาพยุโรป ( EU )
พล.ต.คงชีพกล่าวต่อว่า ทาง พล.อ.ประวิตรได้กล่าวขอบคุณมูลนิธิ ดังกล่าว สำหรับคำแนะนำดังกล่าว และขอขอบคุณที่ให้การสนับสนุนและให้คำแนะนำในการแก้ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย (IUU ) มาโดยตลอด ส่งผลให้การแก้ปัญหาดังกล่าว มีพัฒนาการและความคืบหน้ามาตามลำดับ โดยการดำเนินการที่ผ่านมา เราอยู่ระหว่างการพิจารณาให้สัตยาบันเข้าสู่การดำเนินการกับองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) และปรับปรุงกฎหมายแรงงานให้เหมาะสม ขณะเดียวกัน เรากำลังเดินหน้าสู่แผนควบคุมบริหารจัดการเรือประมงที่ยั่งยืน โดยได้ลดจำนวนเรือประมงลงแล้วกว่า 2,000 ลำ และอยู่ระหว่างลดจำนวนวันทำประมงลง เพื่อให้การจับปลามีความสมดุลกัน พร้อมทั้งขอเชิญเจ้าหน้าที่ มูลนิธิ EJF เข้าร่วมชมการปฏิบัติงานและให้คำแนะนำควบคู่กันไป เพื่อพัฒนาการของการแก้ปัญหาในภาพรวม
“พล.อ.ประวิตรยังกล่าวย้ำและยืนยันว่า รัฐบาลปัจจุบัน ตระหนักและเห็นความสำคัญต่อปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายฯ โดยได้พยายามทุ่มเทขับเคลื่อนแก้ปัญหาสำคัญนี้มาโดยตลอด และจะพยายามทำต่อไปให้ดีที่สุด เพื่อยกระดับการทำประมงของไทยให้มีมาตรฐานและเป็นไปตามหลักกฎหมายสากล และเพื่อการดูแลผลประโยชน์ทรัพยากรทางทะเลของโลกที่ยั่งยืนร่วมกัน” โฆษกกระทรวงกลาโหมกล่าว
