‘เรืองไกร’ ยื่นหนังสือถึง ‘บิ๊กตู่’ ร้องขอให้ตรวจสอบภาษี ‘นายกชาย’
เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2565 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกวุฒิสภา เปิดเผยว่า ช่วงเดือนธันวาคม 2564 มีข่าวเกี่ยวกับบัญชีทรัพย์สินของนายเดชอิศม์ ขาวทอง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือที่เรียกว่า นายกชาย ออกมา
นายเรืองไกรกล่าวว่า ข่าวดังกล่าวไม่มีการนำรายละเอียดของรายได้มาลงไว้ด้วย ทำให้ตนย้อนไปดูบัญชีทรัพย์สินของนายเดชอิศม์ ขาวทอง ที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2562 พบว่ามีการแจ้งรายได้ต่อปี (โดยประมาณ) ไว้ดังนี้
-นายเดชอิศม์ ขาวทอง แจ้ง ป.ป.ช.ว่า ตนเองมีรายได้ คือ
ค่าเช่าสนามกีฬาชนโคนานาชาติ 78,000 บาท
รายได้จากสนามกีฬาชนโคนานาชาติ รัตภูมิ 1,200,000 บาท
รายได้จากสวนยาง 1,660,000 บาท
รายได้จากเลี้ยงสัตว์เพื่อการค้า 2,500,000 บาท
รายได้จากกีฬาชนโค 20,000,000 บาท
รวมรายได้ที่แจ้ง 25,438,000 บาท
-นายเดชอิศม์ ขาวทอง แจ้ง ป.ป.ช.ว่า คู่สมรสมีรายได้ คือ
จำหน่ายสินค้าอุปโภคและบริโภค 1,200,000 บาท
รายได้จากร้านมินิมาร์ท 3,600,000 บาท
รายได้จากค่าเช่าร้านค้า 800,000 บาท
รายได้จากค่าเช่าคอกวัว 840,000 บาท
รายได้จากค่าจอดรถยนต์, รถมอเตอร์ไซค์ 420,000 บาท
รายได้ขายอาหารและเครื่องดื่ม 1,200,000 บาท
รายได้เบ็ดเตล็ด 800,000 บาท
รายได้จากกีฬาชนโค 1,800,000 บาท
รวมรายได้ที่แจ้ง 10,660,000 บาท
นายเรืองไกรกล่าวต่อว่า จากข้อมูลรายได้ที่ นายเดชอิศม์ ขาวทอง แจ้งต่อ ป.ป.ช. นั้น มีข้อสังเกตคือ ไม่มีการแจ้งเงินประจำตำแหน่ง ส.ส.ไว้ด้วยแต่อย่างใด กรณีจึงมีเหตุอันควรตรวจสอบต่อไปว่า มีการนำรายได้ไปเสียภาษีให้ถูกต้องครบถ้วน หรือไม่
นายเรืองไกรกล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีดังกล่าว กรมสรรพากรอาจยังไม่ได้ตรวจสอบเรื่องนี้ ดังนั้น จึงมีเหตุที่ควรแจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบ เพื่อพิจารณาส่งเรื่องกรมสรรพากรตรวจสอบต่อไปว่ารายได้ของนายเดชอิศม์ ขาวทอง และคู่สมรส มีการนำไปเสียภาษีโดยครบถ้วนถูกต้องทุกๆ ปี หรือไม่
นายเรืองไกรสรุปว่า ด้วยมูลเหตุข้างต้น พรุ่งนี้ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ จะส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS ถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อขอให้ตรวจสอบต่อไปว่า นายกชายมีการนำรายได้ที่แจ้งต่อ ป.ป.ช.ไปชำระภาษีให้แก่กรมสรรพากรโดยถูกต้องครบถ้วนหรือไม่