บิ๊กตู่ ขอให้เชื่อใจ ไปประชุมอาเซียน-สหรัฐฯ บอกอยู่มา8ปี รู้บทบาทดี ไทยควรอยู่ตรงไหน?

‘บิ๊กตู่’ยอมรับห่วงสถานการณ์ความขัดแย้ง “วอน” ทุกฝ่ายผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ เพราะเป็นผลประโยชน์ของประชาชน “ยัน” เดินทางร่วมประชุมอาเซียนสหรัฐฯ เป็นการประชุมปกติไม่มีนัยยะอื่น “เผย” บิ๊กป้อมผงาดนั่งรักษาการ 5 วัน

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 6 พ.ค. ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการเดินทางเพื่อเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน – สหรัฐฯ สมัยพิเศษ (ASEAN – US Special Summit) ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 12-13 พฤษภาคม ที่สหรัฐอเมริกา ว่า ในส่วนของสถานการณ์ในประเทศสิ่งที่เป็นห่วง อย่างเดียวก็คือความขัดแย้ง ซึ่งเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาสร้างความขัดแย้งโดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานการณ์การเมือง เป็นอีกเรื่องหนึ่งซึ่งมันไม่ได้หมายถึงในตอนนี้ วันนี้เราต้องเตรียมการในเรื่องของการชี้แจงเรื่องของงบประมาณ ตามวาระที่เตรียมไว้ ถ้าหากไม่ผ่านในการพิจารณาก็จะเดือดร้อนในส่วนของงบประมาณปี 2566 ที่จะต้องมีการเริ่มใช้ตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป ขอร้องให้เข้าใจกันบ้าง และก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบเพราะเรากำลังบูมในเรื่องของการท่องเที่ยว รวมทั้งการลงทุนต่างๆ ซึ่งนักลงทุนเค้าก็ต้องบอกว่าในประเทศไทยมีความขัดแย้งอะไรมากมายหรือไม่ ถ้าไม่มีอะไรขัดแย้งกันมากมายและอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ก็จะมีการเพิ่มการลงทุนในประเทศของเรามากยิ่งขึ้น ซึ่งเราเองก็ต้องปรับแก้ในหลายมาตรการด้วยกันในเรื่องของสิทธิประโยชน์ต่างๆจำนวนมากจะต้องทันสมัยเหมือนกับที่คนอื่นทำ แต่เราจะทำได้มากน้อยแค่ไหนก็สุดแล้วแต่คณะกรรมการจะพิจารณาขึ้นมาตามข้อกฎหมายที่มีอยู่ว่าจะต้องปรับปรุงหรือไม่อย่างไร แต่ละอย่างต้องปรับเปลี่ยน

ผู้สื่อข่าวถามว่าในส่วนการพิจารณางบประมาณรายจ่ายที่จะมีการพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎรจะมีการขอร้องทางฝ่ายค้านอย่างไรหรือไม่เพื่อให้ทุกอย่างเกิดความสงบเรียบร้อยและผ่านการพิจารณา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวได้มีการหารือมาโดยตลอดผ่านทางคณะกรรมการประสานงาน หรือวิปรัฐบาล ให้ไปช่วยกันพูดคุย อะไรที่ขัดแย้งกันมากๆโดยที่ไม่มีความจำเป็นก็ไม่รู้จะขัดแย้งกันไปทำไมเหมือนกัน ขณะเดียวกันการใช้จ่ายงบประมาณในปี 2564 ก็เข้าสู่ไตรมาสที่ 3-4 แล้ว เราจำเป็นก็ต้องเบิกงบประมาณเหล่านี้มาเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและเกิดผลลัพธ์เป็นรูปธรรม ขณะเดียวกันก็ต้อง วางเป้าหมายในการตั้งงบประมาณปี 2566 ให้สอดคล้องกันด้วย ซึ่งสถานการณ์ที่เป็นอยู่ทุกคนก็ทราบดีอยู่แล้วว่าวันนี้เราได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ โควิด-19 ซึ่งมีผลกระทบหลายด้านทั้งสถานการณ์จากต่างประเทศด้วย รัฐบาลพยายามแก้ปัญหาอย่างเต็มที่เพราะประโยชน์คือประชาชนจะเป็นผู้ได้รับ

“เรื่องการเดินทางไปต่างประเทศผมขอยืนยันอีกครั้งว่าไม่มีประเด็นอะไรอย่างที่สื่อบางแขนงไปพาดหัวข่าวว่านายกฯ จะไปทำอย่างนั้นอย่างนี้ ยืนยันว่าเป็นการประชุมปกติเป็นเหมือนการประชุมอาเซียน-ญี่ปุ่น หรือ อาเซียน-จีน การประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ เมื่อจำเป็นต้องไปประชุมก็เดินทางไปประชุมเท่านั้นเอง บังเอิญว่าช่วงนี้เกิดเหตุการณ์และสถานการณ์สงครามขึ้นมาซึ่งก็ถือเป็นเรื่องสถานการณ์ในภูมิภาค ในที่ประชุมก็คงมีการแสดงความคิดเห็นกันบ้างแต่เราไม่ได้ไปเลือกอะไรกับใคร ทุกอย่างต้องมีเหตุมีผล และในวาระการประชุมมีเรื่องที่ต้องหารือหลาย 10 เรื่อง คงไม่ได้มุ่งไปในประเด็นใดประเด็นหนึ่งเพียงประเด็นเดียว และทุกประเทศก็มีนโยบายด้านการต่างประเทศใกล้เคียงกันอยู่แล้วในส่วนของอาเซียน และได้มีการพูดคุยหารือผ่านทางเลขาธิการอาเซียนอยู่แล้ว

Advertisement

เพราะเราเดินทางไปร่วมประชุมในบทบาทของอาเซียนมีทั้งเรื่องเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนเรื่องของ สถานการณ์ในภูมิภาค ซึ่งก็เหมือนกับการประชุมทุกครั้งที่ผ่านมา ซึ่งผมพยายามจะทำอย่างเต็มที่ให้ดีที่สุด ขอให้ไว้ใจซึ่งกันและกัน อย่าไปกังวลอะไรกันมากนัก อย่าพึ่งไปปล่อยข่าวว่าจะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เพราะมันไม่เกี่ยวข้องอะไรเลยกับการประชุมในครั้งนี้ และผมก็เชื่อมั่นผมถึงอยู่มา 7-8 ปี ผมรู้ดีว่าบทบาทของประเทศของเราอยู่ตรงไหน ขอร้องอย่าไปฟังมากนักเลยเพราะคนบางคนแสดงความคิดเห็นออกมาบางทีก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ก็พูดออกมา อาจจะเป็นด้วยความห่วงใย แต่คนที่ควรจะห่วงใยมากที่สุดคือตัวนายกรัฐมนตรีไม่ใช่หรือซึ่งก็ได้มีการเตรียมการไว้หมดแล้ว โดยการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ ได้มีการเตรียมการไว้นานแล้ว กระทรวงการต่างประเทศก็ได้มีการประชุมอยู่ตลอดเวลาไม่ใช่ว่าอยู่ดีดีแล้วจะไปประชุมแบบปุบปับ มีการประชุมระดับรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่มาโดยตลอดว่าจะมีสารัตถะอย่างไรและพูดคุยในเรื่องอะไรบ้าง”

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในส่วนของนายกรัฐมนตรีมีกำหนดที่จะเดินทางเข้าร่วมประชุม สุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ ในระหว่างวันที่ 11-15 พฤษภาคม นี้ โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีจะทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรี เป็นเวลา 5 วัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image