“เพื่อไทย” จัดเสวนา “กัญชาเสรี ผิดทิศ หลงทาง” เตือนระวังได้ไม่คุ้มเสีย เอาอนาคตเยาวชนมาแลกคะแนนเสียง

“เพื่อไทย” จัดเสวนา “กัญชาเสรี ผิดทิศ หลงทาง” เตือนระวังได้ไม่คุ้มเสีย เอาอนาคตเยาวชนมาแลกคะแนนเสียง หลอกให้ปลูกแต่ส่งออกไม่ได้ สุดท้ายมอมเมาชุมชน สร้างปัญหาสังคม-เป็นภาระแพทย์

เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) จัดเสวนาในหัวข้อ “กัญชาเสรี ผิดทิศ หลงทาง?” โดยมีนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคามและรองหัวหน้าพรรค พร้อมด้วย นพ.สุวิทย์ คนสมบูรณ์ ส.ส.ชัยภูมิ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. และ น.ส.กิตติ์ธัญญา วาจาดี ส.ส.อุบลราชธานี ร่วมเสวนา

โดยนายสุทิน กล่าวว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาปัญหากัญชาเสรีไร้กรอบนั้นภาครัฐพยายามพูดอยู่แค่ 2 ประเด็นคือ กัญชาเสรีเป็นประโยชน์ทางการแพทย์ และกัญชาเสรีดีต่อเศรษฐกิจ ซึ่งประเด็นการใช้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์นั้น ใช้ในการรักษากันมาก่อนหน้านี้แล้วและหากคิดว่าอยากส่งเสริมประโยชน์การแพทย์จริง ก็ควรส่งเสริมโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค เอางบประมาณมาอุดหนุนบัญชียาแห่งชาติ เพิ่มงบโรงพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์น่าจะเป็นประโยชน์และชัดเจนกว่า

นายสุทิน กล่าวต่อว่า ส่วนด้านเศรษฐกิจนั้น วันนี้ยังไม่เห็นตัวเลขส่งออกที่ชัดเจนเลยว่าประโยชน์จากเรื่องนี้คำนวณออกมาได้เท่าไรและส่งออกได้จริงหรือไม่ เพราะทั่วโลกยังบอกว่ากัญชาคือยาเสพติด ถ้าส่งออกไม่ได้ ก็จะกลายเป็นกัญชาวนเวียนกันอยู่ในประเทศ งบประมาณที่ต้องรักษาผู้เสพ รวมไปถึงภาพลักษณ์ประเทศ ถ้าหักลบกลบหนี้กันกับความเสื่อมโทรมของสังคมแล้ว จึงไม่แน่ใจว่า ได้คุ้มเสียหรือไม่

“วันนี้ถึงขนาดเอาต้นกัญชามาเดินแจกกันในหมู่บ้าน บอกว่า 6 เดือนตัดขายได้ เดี๋ยวพอถึงเวลาขายไม่ได้จริงโดนเขาต้ม กัญชาที่ปลูกไว้ ก็จะวนกลับมาเสพกันเองในครอบครัว คราวนี้กัญชาจะได้วนอยู่ในบ้านในชุมชนเป็นนโยบายที่จะสร้างบาปมโหฬาร และสุดท้าย สังคมก็จะเรียกร้องให้กัญชากลับไปเป็นยาเสพติดเหมือนเดิม” นายสุทิน กล่าว

Advertisement

ด้าน นพ.สุรวิทย์ กล่าวว่า ตั้งแต่เริ่มปลดล็อกกัญชา ในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แต่กลับไม่มีกฎหมายรองรับ ทำให้สถิติผู้ป่วยจากการเสพกัญชา เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลจำนวนมากขึ้น มีตั้งแต่หลอน เมากัญชา จนถึงขั้นรุนแรง ต้องรับไว้รักษาตัวในโรงพยาบาล ต้องใช้แพทย์บุคลากรสาธารณสุขและงบประมาณจำนวนมากในการรักษา ขอเรียกร้องให้ภาครัฐเปิดเวทีรับฟังความเห็นของบุคลากรด้านการแพทย์โดยตรง เพื่อจะได้รู้ถึงปัญหาแท้จริงมากกว่าการฟังหมอการเมือง โดยไม่ฟังเสียงจากหมอมืออาชีพ

ขณะที่ น.ส.กิตติ์ธัญญา กล่าวว่า ปัญหาจริงที่พบในพื้นที่คือ ครอบครัวและชุมชนได้รับผลกระทบรุนแรงตั้งแต่เปิดกัญชาเสรี เช่นหมู่บ้านหนึ่ง ในจังหวัดอุบลราชธานี มีเด็กและวัยรุ่นรวมตัวเสพกัญชาโดยที่พ่อแม่ออกไปทำงานไม่ทราบเรื่อง เมื่ออาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ตรวจพบ ก็ห้ามไม่ได้ กำนันผู้ใหญ่บ้านก็บอกว่าไม่รู้จะห้ามอย่างไร พอแจ้งเตือนไปยังพ่อแม่ ก็กลายเป็นทะเลาะเบาะแว้งกันในครอบครัว ลามออกมาถึงหมู่บ้านชุมชน เป็นตัวอย่างจริงที่เห็นชัด ดังนั้นจึงไม่ควรเอาอนาคตของเยาวชนไทยไปแลกกับผลประโยชน์และคะแนนเสียงทางการเมืองของพรรคการเมืองเช่นนี้

ด้าน นายจิรายุ กล่าวว่า นโยบายกัญชาเสรีขณะนี้ คือนโยบายตายเอาดาบหน้า เพราะไม่มีมาตรการรองรับ ภาพลักษณ์ความเชื่อมั่นขอคนไทยไปต่างประเทศเสียหาย วันนี้คนไทยถือพาสปอร์ตไทยไปต่างประเทศ ถูกจับตรวจกระเป๋าเดินทาง โดนจับตรวจสารเสพติดในร่างกาย ประเด็นอ่อนไหวสะท้อนถึงการยอมรับนโยบายกัญชาเสรีของไทยมากน้อยเพียงไร รัฐบาลเคยคิดหรือไม่ จึงมีคำถามว่าควรยกเลิกหรือไม่ ถ้ายังไม่ยกเลิก ควรจะแขวนนโยบายกัญชาเสรีไว้ชั่วคราว รอให้มาตรการพร้อม ทุกคนเข้าใจ วันไหนพร้อมค่อยประกาศเสรีอีกครั้ง

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image