จตุพร ชวนจับตา หลังเที่ยงคืน 23 สิงหา ถ้าประยุทธ์ไม่ออก ทนายนกเขา อ่าน ‘ภาษากาย’ บิ๊กตู่อยากอยู่ต่อ

จตุพร ชวนจับตา หลังเที่ยงคืน 23 สิงหา ถ้าประยุทธ์ไม่ออก ทนายนกเขา อ่าน ‘ภาษากาย’ บิ๊กตู่อยากอยู่ต่อ

เมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตย ต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และนายนิติธร ล้ำเหลือ แกนนำกลุ่มประชาชนคนไทย (ปท.) หรือทนายนกเขา กล่าวในรายการ “Exclusive Talk” ตอน “8 ปี ประยุทธ์ต้องไป” ผ่านเพจเฟซบุ๊ก “ประชาชนคนไทย (ปท.)” โดยมี นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ร่วมอภิปราย

ในตอนหนึ่ง นายจตุพรกล่าวว่า ยังไม่เห็นนายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานกรรมการร่าง รธน. 2560 พูดอะไร เกี่ยวกับเรื่องเวลาของนายกรัฐมนตรี 8 ปี หากแสดงความเห็นคงจะเป็นเรื่องใหญ่ เนื่องจากการไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ ของ พล.อ.ประยุทธ์ มีผลกระทบ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองได้ ดังนั้น หลังเที่ยงคืน 23 ส.ค.นี้ จะได้เห็นปรากฏการณ์ ประชาชนออกมา นั่นคือเรื่องจริง การไม่ปฏิบัติตามของ พล.อ.ประยุทธ์ ในรอบนี้จะเป็นชนวนของการเปลี่ยนแปลงทั้งปวง ความจริงและพลเอกประยุทธ์ ไม่ต้องวิตกหน้าที่อะไรแล้ว หน้าที่ของตัวเองก็ทำตามเวลาที่มีอยู่เท่านั้น ตนเชื่อว่าหลังเที่ยงคืนวันที่ 23 ส.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จะพบสัจธรรมแห่งชีวิตที่เป็นของจริง

​“พล.อ.ประยุทธ์เข้ามาในวันที่ประชาชนยากลำบาก และบริหารประชาชนให้จน จนกระทั่งไม่มีแรง ให้คนไทยมีความชิน กับการที่ไม่ต้องรักษาคำมั่นสัญญาเป็นเรื่องปกติ ที่สำคัญที่สุดก็คือประชาชน ก็ไม่เอาจริง พรรคการเมืองก็ไม่เอาจริง” นายจตุพรกล่าว

​ด้านนายนิติธรกล่าวว่า การเริ่มต้นของความเป็นนายกรัฐมนตรี คนละส่วนกับการเริ่มต้นของรัฐธรรมนูญปี 60 บรรดาผู้มีปัญญาทั้งหลาย ที่จะเข้าข้างกับเลือกข้าง ขอให้คิดด้วย ถ้ามาตรา 158 อย่างเดียวก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่วันนี้รัฐธรรมนูญเอา 264 ดังนั้นจะมาเถียงจะมาตีความกันทำไม จากการจะทำอะไรกับ 2 มาตรานี้ในขณะนี้ ต้องไปคิดว่าบทบัญญัติ และธรรมนูญมาตรา 3 บอกว่าจะต้องบริหาร จะต้องทำหน้าที่โดยยึดถือผลประโยชน์ของชาติ และความผาสุกของประชาชน รัฐธรรมนูญฉบับนี้ ไม่ได้จะมาพิจารณาเฉพาะจุดมุ่งหมาย หรือเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญเท่านั้น แต่ต้องดูเจตนารมณ์ของประชาชน เพราะในรัฐธรรมนูญเขียนไว้ว่า อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย

Advertisement

​“เพราะฉะนั้นจะไปเถียง ไปสร้างประเด็นกันทำไม ปัญหาในขณะนี้ไม่มี แต่ปัญหาเริ่มจากตัวนายกฯ ต้องการยอมรับกฎหมายหรือไม่ เมื่อนายกฯ แสดงปฏิกิริยา ในเชิงที่ไม่ยอมรับกฎหมาย แล้วก็เหวี่ยงไปให้ศาลรัฐธรรมนูญ ก็เกิดปัญหาขึ้นมาทันที” นายนิติธรกล่าว

​นายนิติธรกล่าวว่า ตนคิดว่าครั้งนี้จะเป็นโอกาสในวิกฤตแต่ในวิกฤตนั้น จะมีโอกาสที่สำคัญ ในการเปลี่ยนแปลงประเทศครั้งสำคัญ ถ้าศาลจะตัดสิน ก็ต้องตัดสินให้เสร็จสิ้น ก่อนวันที่ 23 ส.ค.อย่าให้เลยเวลา และไม่ควรที่จะมีการสั่งพัก แต่ถ้าศาลจะพิจารณาเลยวันที่ 23 ส.ค.ก็ต้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ทำหน้าที่ไม่ได้ต้องสั่งพัก

“การไม่ไว้วางใจในสภาเป็นเรื่องเล็ก แต่ถ้าเกิดการไม่ไว้วางใจ ของประชาชนเป็นการไม่ไว้วางใจ ในทางสาธารณะจะเป็นเรื่องใหญ่มาก ผมอ่านพฤติกรรมภาษากาย พล.อ.ประยุทธ์ และสภาพบรรยากาศแวดล้อม บ่งชี้ที่จะอยู่ต่อ แล้วจะสร้างบรรยากาศของผิดให้เป็นถูก ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ เรื่องบ้านเมืองต้องไม่ผิดทั้งกฎหมาย และไม่ผิดทางวินัย บ้านเมืองถึงจะสงบ” นายนิติธรกล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image