ทูตรัศมิ์ ปัดหนุนเครือข่ายเผด็จการ ย้ำยังไม่ใช่จังหวะเหมาะสมแก้ม.112

ทูตรัศมิ์ ปัดหนุนเครือข่ายเผด็จการ ย้ำเห็นด้วยแก้ไขม.112 แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่จังหวะเหมาะสม

เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายรัศมิ์ ชาลีจันทร์ อดีตเอกอัครราชทูตในไทยหลายประเทศ โพสต์เฟซบุ๊ก “ทูตนอกแถว The Alternative Ambassador Returns” โพสต์ชี้แจงกรณีถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกอนุรักษนิยมที่สนับสนุนเครือข่ายเผด็จการ โดยมีรายละเอียด ดังนี้

กินเหล้าแบบธรรมดามันชักง่ายไป เลยหาอะไรทำตามประสา ส.ว. สุขนิยม

เพิ่งเห็นข่าวพรรคเพื่อไทยรวมเสียงสนับสนุนได้ 315 เสียง โดยมีพรรคลุงทั้งสองเข้าร่วม

ADVERTISMENT

รู้สึกบอกไม่ถูก ไม่ได้ดีใจหรือเสียใจ ส่วนอะไรจะเป็นไปก็ต้องคอยดูกันต่อไป และท้ายที่สุดก็ให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินในการเลือกตั้งครั้งต่อไป

สำหรับตัวผมเอง ผมก็ว่าจุดยืนเรื่อง ปชต. ของผมไม่เคยเปลี่ยนมาตั้งแต่อายุยังไม่ยี่สิบหรือกว่าสี่สิบปีมาแล้ว และก็ต่อสู้ยืนหยัดเพื่อหลักการนี้มาตลอด แม้จะมีคนที่สู้มากกว่าผมอีกมากมาย แต่ผมก็ว่าผมพอสู้มาไม่น้อยนัก

ADVERTISMENT

ตอนเป็นรองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ พอเกิดรัฐประหารปี 57 ผมก็เขียนบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรเสนอต่อผู้บังคับบัญชา ได้แก่ ปลัดกระทรวงฯ แจ้งว่าผมไม่เห็นด้วยกับการทำรัฐประหาร เพราะเป็นการทำลายระบอบประชาธิปไตย ซึ่งตามกฏระเบียบ ข้าราชการมีหน้าที่ต้องยึดมั่นรักษาระบอบ ปชต. และด้วยเหตุนี้ผมจึงขอไม่ปฎิบัติหน้าที่ในส่วนงานที่เกี่ยวกับงานด้านการชี้แจงทางการเมือง โดยขอทำงานในส่วนอื่นต่อไป

บันทึกดังกล่าวทุกวันนี้คงยังอยู่ในแฟ้มประวัติของผมที่สำนักบริหารบุคคลของกระทรวงฯ โดยผมเป็นข้าราชการคนเดียวของกระทรวงการต่างประเทศที่ทำเช่นนี้ และเท่าที่รู้ อาจเป็นข้าราชการคนเดียวของทั้งประเทศที่ทำบันทึกเช่นนี้เสนอต่อผู้บังคับบัญชา

พอเกษียณ ผมเคยไปขึ้นเวทีช่วยกล่าวปราศรัยสนับสนุนเยาวชนในการต่อสู้กับรัฐบาลเผด็จการ จนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวหาว่าผมตกเป็นผู้ต้องหาคดีต่างๆ รวมทั้งคดี 112 และก็น่าจะเป็นคนในวัยผมจำนวนไม่มากนักที่ออกมาและโดนแบบนี้

ดังนั้นจะมาบอกว่าผมสุขสบายใจไม่เคยเดือดร้อนจาก 112 ก็ไม่ใช่นะครับ ผมเห็นด้วยว่าควรมีการแก้ไขกฏหมายนี้ เพียงแต่เห็นว่าตอนนี้ยังไม่ใช่จังหวะเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น

ในการเลือกตั้งที่ผ่านมาผมเลือกสนับสนุนพรรคเพื่อไทย เพราะเห็นว่ามีประสบการณ์ฝีมือในการบริหารประเทศได้จริง รวมทั้งมีนโยบายที่ค่อนข้างประนีประนอมที่น่าจะเหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน และผมเห็นว่ามันเป็นสิทธิของผม ส่วนใครอยากจะเลือกใครก็เลือกไป เป็นสิทธิของเขาเช่นกัน

แต่ทุกวันนี้มีบางคนหาว่าผมเป็นพวกอนุรักษนิยม สนับสนุนเครือข่ายเผด็จการ ไม่เห็นหัวประชาชน ฯลฯ เพียงเพราะผมไม่ได้เลือกพรรคเดียวกับเขา ผมก็ไม่รู้หรอกครับว่าเขาเคยทำอะไรมาบ้าง สู้มากมายกว่าใครอย่างไร

แต่ใครจะว่าก็ว่าไป ชีวิตผมก็โอเค ผมไม่มีอะไรต้องมาละอายแก่ใจ จุดยืนเหมือนเดิมอะไรพอทำได้ก็ทำไปตามกำลังและสติปัญญาที่พอมี ตลอดจนหลักการที่ยึดถือ

พ้นจากนั้นผมก็หาความสุขใส่ตัวไปตามประสานะครับ (อ้อ แล้วทรัพย์สินที่เห็น มันก็มาจากหยาดเหงื่อแรงงานของผมที่รับใช้ประเทศชาติ ด้วยลำพังเงินเดือนข้าราชการที่ไม่ได้มากมายอะไร ด้วยความสุจริตไม่เคยคดโกง ไปตรวจสอบดูได้ และจริงๆ บ้านช่องใหญ่โตคืออาศัยภรรยาเขาอยู่ ไม่ใช่ทรัพย์สินของผมทั้งหมดนะครับ )

จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image