เศรษฐา นำทัพเปิดปฏิบัติการฝนหลวง-บรรเทาหมอกควัน-PM2.5 พื้นที่ภาคเหนือ ประจำปี’67
เมื่อวันที่ 11 มกราคม ที่บริเวณท่าอากาศยานทหารกองบิน 41 อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยภายหลังเข้าร่วมพิธีเปิดปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อบรรเทาปัญหาหมอกควัน ไฟป่า และฝุ่นละออง PM2.5 บริเวณพื้นที่ภาคเหนือ ประจำปี 2567 โดยมี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน ว่า สำหรับในปี 2567 กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้จัดตั้งหน่วยปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็วปฏิบัติการดัดแปรสภาพอากาศ เพื่อบรรเทาปัญหาหมอกควัน ไฟป่า และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 มีค่าเกินเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ได้แก่
-หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงเคลื่อนที่เร็วจังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2567 เป็นต้นไป ช่วยเหลือพื้นที่ภาคเหนือ จำนวน 15 จังหวัด
-หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงเคลื่อนที่เร็วจังหวัดระยอง ตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม 2566 เป็นต้นมา ช่วยเหลือพื้นที่ภาคตะวันออก กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
-หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงเคลื่อนที่เร็ว อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม 2566 เป็นต้นมา ช่วยเหลือพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
นอกจากนี้ยังได้มีแผนการจัดตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง ประจำปี 2567 จำนวน 14 หน่วยปฏิบัติการทั่วประเทศ ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2567 เป็นต้นไป เพื่อปฏิบัติการฝนหลวงในการเพิ่มความชุ่มชื้นให้พื้นที่ป่าไม้บรรเทาและป้องกันการเกิดไฟป่า ปัญหาหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 การเติมน้ำต้นทุนให้กับอ่างเก็บน้ำ บรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภค และการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง
สำหรับในพื้นที่ภาคเหนือ ได้กำหนดให้ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ จัดตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จ.เชียงใหม่ ภายใต้การบูรณาการร่วมกันระหว่างจังหวัดเชียงใหม่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ซึ่งจะใช้เครื่องบินของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ขนาดใหญ่ จำนวน 2 ลำ เครื่องบินขนาดกลาง จำนวน 4 ลำ พร้อมติดตั้งอุปกรณ์พ่นละอองน้ำสู่ชั้นบรรยากาศ เครื่องบินขนาดเล็ก จำนวน 4 ลำ และเฮลิคอปเตอร์ จำนวน 1 ลำ พร้อมชุดกระเช้าตักและโปรยน้ำดับไฟป่า โดยมีแผนดำเนินงานและปฏิบัติการหลักคือ ปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อให้มีฝนตกในพื้นที่ที่ต้องการ เพื่อเร่งกระบวนการธรรมชาติทำให้เกิดเป็นเม็ดน้ำ โดยเม็ดน้ำพัฒนาตัวเป็นเม็ดฝนตกลงมาเป็นน้ำฝน
ทั้งนี้ ปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อดัดแปรสภาพอากาศให้มีช่องในการเคลื่อนตัวของกระแสอากาศไหลขึ้นจากชั้นอากาศที่ปิดกั้นอยู่ในพื้นที่ต้องการ เพื่อเร่งกระบวนการธรรมชาติ ทำให้เกิดการหมุนเวียนของอากาศ ซึ่งจะช่วยบรรเทาปัญหาหมอกควัน และฝุ่นละออง PM2.5 ลงได้ และการสนับสนุนเฮลิคอปเตอร์ของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ในการบูรณาการร่วมกับกองทัพภาคที่ 3 และจังหวัดเชียงใหม่ ในภารกิจการทิ้งน้ำดับไฟป่าในพื้นที่ลาดสูงชัน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเดินเท้าเข้าไปถึงได้ เพื่อสามารถบรรเทาปัญหาที่จะทำให้เกิดความเสียหายแก่ชีวิต ทรัพย์สิน และสุขภาพของพี่น้องประชาชนได้
นายสุพิศกล่าวว่า จากการปฏิบัติการทำฝนบรรเทาปัญหาหมอกควัน ไฟป่า และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในปี 2566 ที่ผ่านมา ได้มีการนำเทคโนโลยีด้านต่างๆ มีประยุกต์ใช้ โดยได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ทำการวิจัยและทดสอบการประยุกต์ใช้อากาศยานสำหรับพ่นละอองน้ำแรงดันสูงเพื่อควบคุมและบรรเทาฝุ่นละออง PM2.5 ที่ระดับความสูง 5,000-6,000 ฟุต หรือประมาณ 1,700-2,000 เมตร โดยใช้ท่อโปรยติดตั้งบนอากาศยานชนิด CASA และ CN-235 และติดเครื่องพ่นสเปรย์ฉีดน้ำแรงดันสูง พร้อมกับบรรจุถังน้ำ จำนวน 3 ถัง ที่สามารถบรรจุน้ำปริมาตรรวมทั้งหมดได้กว่า 2,000 ลิตร และใช้แรงดันในการส่งน้ำไปยังหัวฉีดทั้ง 12 หัว ที่ติดตั้งอยู่ใต้เครื่องบิน
อย่างไรก็ตาม จากการทดสอบที่ผ่านมา พบว่า การกระจายตัวของละอองน้ำที่ภาคพื้น หัวฉีดสามารถทำระยะการพ่นไกลได้สูงสุดถึง 10 เมตร และครอบคลุมพื้นที่ 100 ตารางเมตร โดยจะทำการปล่อยละอองน้ำเป็นระยะเวลา 40 นาทีต่อรอบการปฏิบัติ และพบว่าวิธีดังกล่าวจะสามารถลดปริมาณฝุ่น PM2.5 ได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งจะสามารถเพิ่มความชื้นและช่วยบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองในอากาศควบคู่ไปกับการปฏิบัติการฝนหลวง ในปี 2567 จึงได้มีการปรับแผนการปฏิบัติการให้เร็วมากยิ่งขึ้น เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์สภาพอากาศที่จะเกิดขึ้นอีกด้วย