ปลัดมท. ประธานประชุมอนุกรรมการสนับสนุน ระบบหลักประกันสุขภาพท้องถิ่น สร้างประชาชนสุขภาพดี
เมื่อวันที่ 26 มกราคม ที่ห้องประชุมอัษฎางค์ ชั้น 5 อาคารดำรงราชานุสรณ์ กระทรวงมหาดไทย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย(มท.) เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการสนับสนุนการดำเนินงานระบบหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่ ครั้งที่ 1/2567 โดยมี นายประสพโชค อยู่สำราญ ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย นพ.เติมชัย เต็มยิ่งยง เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) นพ.ณรงค์ศักดิ์ อังคะสุวพลา ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์แห่งชาติ นพ.สุเทพ เพชรมาก เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (คสช.) นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) นพ.ดิเรก สุดแดน ผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข นายพิชญะ ใหญ่แก่นทราย ผู้แทนกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายแหลม ศรีนุ้ย ผู้แทนสมาคมองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทย และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม โดยเป็นการประชุมออนไลน์ผ่านระบบทางไกล (Zoom Cloud Meeting) มีผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมรับฟัง
นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยให้ความสำคัญในการส่งเสริมให้พี่น้องประชาชนได้มีสุขภาพพลามัยที่ดี สามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างปกติสุข ซึ่งเรื่องสุขภาพของประชาชนเป็นหนึ่งในภารกิจของกระทรวงมหาดไทย สอดคล้องกับพันธกิจ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ให้กับพี่น้องประชาชน และแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ ในการทำให้ประชาชนทุกคนมีสุขภาพดีและความเป็นอยู่ที่ดี ซึ่งที่ผ่านมาเราได้มีการขับเคลื่อนและสนับสนุนการดำเนินงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อดูแลสุขภาพของพี่น้องประชาชนในระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่ให้ครบ 100% ภายใต้กลไกของกระทรวงมหาดไทย มีผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้ง 7,849 แห่ง ทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการถ่ายโอนโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) จากกระทรวงสาธารณสุขมาสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งเรามีตัวอย่างที่ดีของ อบจ.เชียงใหม่ ที่ได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายด้านสุขภาพ 16 หน่วยงาน มาลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการพัฒนาระบบอภิบาลสุขภาพท้องถิ่นด้วยกระบวนการมีส่วนร่วมจังหวัดเชียงใหม่ มาจับมือช่วยกันเพื่อผลักดันระบบสุขภาพอย่างเป็นรูปธรรม
“การส่งเสริมระบบคุณภาพ เราไม่ได้มุ่งเน้นแค่เพียงการป้องกัน แต่เราส่งเสริมให้เกิดการรักษาสุขภาพเชิงรุก ซึ่งเกี่ยวข้องตั้งแต่ “ก่อนครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน” เกี่ยวข้องกับการดูแลทุกข์สุขของประชาชน ทางกระทรวงมหาดไทยได้ร่วมมือกับภาคีเครือข่ายด้านสุขภาพ โดยเฉพาะสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สร้างระบบให้ทุกครัวเรือนสามารถดูแล “บำบัดทุกข์” ให้กับประชาชนได้ และ “บำรุงสุข” คือ การทำให้เป็นหมู่บ้านยั่งยืน ประชาชนมีความมั่นคง มีสุขภาพที่ดี ไม่เจ็บไข้ได้ป่วย มีสภาพแวดล้อมที่ดี ปราศจากยาเสพติด รวมถึงการสร้างการรวมกลุ่มเพื่อให้เกิดความเข้มแข็ง เป็นกลุ่ม คุ้ม ป๊อก หย่อมบ้าน เช่นเดียวกับ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ของกระทรวงสาธารณสุข เป็นรูปแบบกลุ่มบ้านแบบธรรมชาติ รวมไปถึงการกำหนดแนวทางกรอบงบประมาณ เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้มีแนวทางการทำงานได้สะดวกขึ้น ส่งผลประโยชน์และสามารถตอบสนองพี่น้องประชาชนได้อย่างทันท่วงที ซึ่งเราจะได้ช่วยกันเสนอแนะเพื่อให้เหมาะสมสอดคล้องตามภูมิสังคม รวมถึงการนำเทคโนโลยีมาสนับสนุนการสร้าง Know-how องค์ความรู้ให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างถูกต้องและชัดเจน ซึ่งตัวอย่างที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ทำ โดยใช้เทคโนโลยี Tele Medicine ที่สามารถนำมาเป็นต้นแบบในการขยายผลไปยัง อปท. อื่น ๆ ทั่วประเทศ ทำให้ทุกพื้นที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีเช่นเดียวกัน” นายสุทธิพงษ์ กล่าว
นายสุทธิพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงมหาดไทยโดยกรมการปกครองมีการจัดเก็บข้อมูลรายครัวเรือนแบบพุ่งเป้าตามฐานข้อมูลระบบ ThaiQM เรื่องปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในทุกมิติ ซึ่งเราดำเนินการสำรวจและค้นหาครัวเรือนแบบครบทั้ง 100% ดังนั้น หากทุกหน่วยงานจะบูรณาการข้อมูลไปใช้ก็จะเป็นประโยชน์และช่วยสนับสนุนในการแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชนได้ โดยไม่จำเป็นต้องสร้างระบบใหม่ นอกจากนี้ กระทรวงมหาดไทยโดยกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นได้ขับเคลื่อนเรื่องส่งเสริมด้านสุขภาพของเด็กเยาวชน ให้เด็กได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนเพียงพอต่อการเจริญเติบโต จึงได้มีนโยบายไปยังทุกจังหวัดในการขับเคลื่อนให้ทุกโรงเรียนได้มีไข่ไก่ให้นักเรียนรับประทานอย่างน้อยวันละ 2 ฟอง ด้วยการส่งเสริมให้เลี้ยงไก่เพื่อนำไข่มาเป็นอาหาร และยังเป็นการสร้างความมั่นคงทางอาหาร รวมไปถึงการส่งเสริมให้มีการคัดแยกขยะ จัดทำถังขยะเปียกลดโลกร้อน สามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ร่วมด้วยช่วยกันดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับการมีสุขภาพพลานามัยที่ดีของประชาชน
“ขอขอบคุณทุกท่านที่ไว้วางใจให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนดูแลระบบสุขภาพ ภายใต้คณะอนุกรรมการสนับสนุนการดำเนินงานระบบหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่ ซึ่งเราทุกคนมีความมุ่งมั่นตั้งใจจะทำให้เกิดระบบสุขภาพให้สำเร็จ และยินดีจะทำให้พันธกิจ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ได้บรรลุผลสำเร็จ จึงขอให้ทุกท่านร่วมกันขับเคลื่อนโดยมีเป้าหมายเดียวกันให้เป็น “หมู่บ้านยั่งยืน” เริ่มตั้งแต่การดูแล “ก่อนครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน” ที่ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงสุขภาพพลานามัยโดยตรง โดยจะบูรณาการร่วมกับภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน สร้างการมีส่วนร่วม เพื่อร่วมกันส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนในทุกมิติ อันจะนำไปสู่ชุมชนเข้มแข็ง เมืองน่าอยู่ และประชาชนมีความสุข”นายสุทธิพงษ์ กล่าว
นพ.เติมชัย กล่าวว่า คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้มีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการสนับสนุนการดำเนินงานระบบหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่ เพื่อสนับสนุนและประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการดำเนินงานและบริหารจัดการระบบหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่ได้ ตามความพร้อม ความเหมาะสม และความต้องการ เพื่อสร้างหลักประกันสุขภาพแห่งชาติให้แก่บุคคลในพื้นที่ โดยมีอำนาจหน้าที่ คือ 1) จัดทำหรือทบทวนกฎว่าด้วยการกำหนดหลักเกณฑ์เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นผู้ดำเนินงาน เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 2) สนับสนุนและประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการดำเนินงาน รวมถึงสนับสนุนและส่งเสริมกระบวนการมีส่วนร่วมให้องค์กรชุมชน องค์กรเอกชน และภาคเอกชนที่ไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินการแสวงหาผลกำไร ดำเนินงานและบริหารจัดการเงินกองทุนในระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่ได้ตามความพร้อม ความเหมาะสม และความต้องการของประชาชนในพื้นที่ 3) จัดทำข้อเสนอด้านสิทธิประโยชน์ระบบหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่ เสนอต่อคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 4) ติดตามและประเมินผลการดำเนินงานและบริหารจัดการระบบหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่ และจัดทำข้อเสนอเพื่อการพัฒนาที่ต่อเนื่อง
“นอกจากนี้ คณะกรรมการฯ ได้กำหนดหลักเกณฑ์เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการและบริหารจัดการใน 3 รูปแบบ คือ 1) กองทุนหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่ ของเทศบาลและองค์การบริหารส่วนตำบล ให้ประชาชนทั่วไปเน้นสร้างสุขภาพ มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมกรุงเทพมหานคร จำนวน 7,774 แห่ง 2) ค่าบริการสาธารณสุขสำหรับผู้มีภาวะพึ่งพิงในชุมชน สำหรับผู้มีภาวะพึ่งพิง ของเทศบาลและองค์การบริหารส่วนตำบล จำนวน 7,214 แห่ง และ 3) กองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพระดับจังหวัด ของ อบจ. สำหรับคนพิการและผู้จำเป็น จำนวน 69 แห่ง” นพ.เติมชัย กล่าว