ราชทัณฑ์ชงพักโทษ ทักษิณ ครบ 18 ก.พ.แล้ว ตร.อายัดคดี ม.112-พ.ร.บ.คอมพ์ ต่อ
เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ทีมโฆษกอัยการ นำโดย นายประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ นายณรงค์ ศรีระสันต์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด อัยการพิเศษฝ่าย สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายแผนช่วยเหลือทางกฎหมาย นายนาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 ได้ร่วมแถลงข่าวคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกกล่าวหาในมาตรา 112 และและร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆว่า สำนักงานอัยการสูงสุด ได้รับสำนวนคดีนี้มาเมื่อ 16 ก.พ. 59 การกระทำความผิดนอกราชอาณาจักร จากกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) เหตุเกิดเมื่อวันที่ 21 พ.ค. 58 ที่กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) และประเทศไทย พนักงานสอบสวนมีความเห็นควรสั่งฟ้อง ต่อมาอัยการสูงสุดขณะนั้นมีความเห็นสั่ง 19 ก.พ.59 สั่งฟ้อง ต่อมา 22 สิงหาคม นายทักษิณเดินทางกลับไทย 22 ส.ค. 66 พนักงานสอบสวนได้นำหมายจับไปแจ้งอายัดผู้ต้องหาไว้กับกรมราชทัณฑ์เรียบร้อยแล้ว
ต่อมาวันที่ 17 ม.ค. 67 อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน และคณะ ร่วมกับพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดี ได้เข้าแจ้งข้อกล่าวหา พร้อมกับพฤติการณ์และข้อเท็จจริงทางคดีให้กับนายทักษิณ ทราบแล้ว ปรากฏว่า ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธพร้อมกับยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่อออส. ซึ่งอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน ได้ส่งบันทึกคำให้การชั้นสอบสวน และหนังสือร้องขอความเป็นธรรมของผู้ต้องหาให้กับพนักงานอัยการผู้รับผิดชอบดำเนินคดี ประกอบสำนวนเพื่อส่งให้กับอัยการสูงสุดพิจารณา ขณะนี้สำนวนคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคดีกิจการอัยการสูงสุด ตรวจพิจารณาและทำความเห็นเบื้องต้นเสนออัยการสูงสุดเพื่อพิจารณา มีความเห็นและคำสั่งทางคดีต่อไป ขณะนี้ พนักงานสอบสวนได้แจ้งอายัดตัว นายทักษิณ ไว้กับทางกรมราชทัณฑ์ตามขั้นตอนของกฎหมายแล้ว
ทั้งนี้อัยการสูงสุดมีอำนาจในการออกความเห็นสามอย่างของสำนวนนี้คือ 1. ข้อเท็จจริงหากเห็นว่าข้อเท็จจริงอย่างครบถ้วนสามารถสั่งให้พนักงานอัยการไปสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม 2. หากข้อเท็จจริงเพียงพอแล้วให้ยืนตามความเห็นเดิมที่ว่า ให้สั่งฟ้องนายทักษิณตามข้อกล่าวหา 3. หากพิจารณาแล้วเห็นว่าพฤติกรรมไม่เข้าข่ายความผิดสามารถมีความเห็นไม่สั่งฟ้องนายทักษิณได้ ทั้งนี้ต้องพิจารณาตามคำร้องหนังสือขอความเป็นธรรมที่นายทักษิณแย้งมา ว่ามีข้อต่อสู้อะไรที่สามารถเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงในสำนวนได้หากไม่มีการให้ข้อมูลเพิ่มเติมก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิมได้
ส่วนประเด็นการอายัดตัวนายทักษิณ ขณะนี้ทางกรมราชทัณฑ์ยังไม่มีคำสั่งชัดเจนในการอายัดตัวนายทักษิณ จึงต้องรอคำสั่งความชัดเจน จากกรมราชทัณฑ์ หากนายทักษิณได้รับการพักโทษในวันที่ 22 ก.พ.นี้ ตามขั้นตอนกรมราชทัณฑ์จะต้องแจ้งพนักงานสอบสวน ล่วงหน้า 7 วันก่อนปล่อยตัว เพื่อให้ไปรับตัวนายทักษิณมาดำเนินคดีในคดี ม. 112 และเมื่อพนักงานสอบสวนไปรับตัวแล้วจะพิจารณาเรื่องให้ประกันตัวหรือปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นพนักงานสอบสวน หรือจะไปดำเนินการขั้นตอนการฝากขังผัดแรกของในคดี 112 และเมื่อพนักงานสอบสวนพิจารณาแล้วหรือรับตัวมาแล้วก็จะมีหนังสือมาแจ้งยังอัยการสูงสุดว่ามีการรับตัวนายทักษิณมาแล้วและอยู่ในขั้นตอนไหนของพนักงานสอบสวน และเมื่ออัยการได้รับขั้นตอนจากพนักงานสอบสวนมาแล้วหน้าที่ของอัยการจากนั้นจะต้องมาพิจารณาเอกสารการร้องขอความเป็นธรรมและพิจารณาสำนวนคดี
นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ให้สัมภาษณ์ถึงขั้นตอนการอายัดตัวผู้ต้องขังว่า ทราบมาว่า ป.ป.ท.ได้อ้างถึงหนังสือของอัยการสูงสุดและบก.ปอท. ระยะเวลาอาจจะเหลื่อมกัน เท่าที่ทราบจากผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯเรื่องนี้ได้ดำเนินการไปแล้ว โดยเปิดให้อัยการและตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาแล้วเมื่อช่วงกลางเดือนมกราคม 2566 ที่ผ่านมา ขั้นตอนอายัดตัวผู้ต้องขังเป็นเรื่องปกติเพราะเป็นข้อตกลงระหว่างตำรวจกับกรมราชทัณฑ์ เนื่องจากผู้ที่ถูกจำคุก หรือถูกศาลตัดสินคดีก่อนไปแล้ว ถ้ายังมีคดีอยู่ระหว่างดำเนินการตำรวจจะแจ้งอายัดตัวมา แจ้งเพื่อให้เรือนจำรู้ว่าถ้าครบวันจะปล่อยตัวเมื่อไรก็จะแจ้งให้ตำรวจรู้ก่อน
เมื่อถามว่า มีการคาดการณ์ว่านายทักษิณจะได้รับการพักโทษในช่วงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ตำรวจจะรับตัวไปดำเนินการต่อเลยหรือไม่ นายสหการณ์กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวนว่าจะดำเนินการอย่างไร แต่เมื่อนายทักษิณจะได้รับประโยชน์จากการพักการลงโทษ ก็ต้องแจ้งไปที่ตำรวจ เพราะคดีนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการของพนักงานสอบสวน ซึ่งตำรวจมีหน้าที่ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อยู่ระหว่างดำเนินการหลักเกณฑ์ ตั้งแต่ในชั้นราชทัณฑ์และกระทรวงยุติธรรมกำลังประสานงานกันอยู่ สำหรับหลักเกณฑ์มีมาก่อนแล้ว ทั้งกรณีปกติและกรณีพิเศษ ซึ่งจะมีการเสนอคุณสมบัติมาที่คณะกรรมการพิจารณาการพักโทษ โดยต้องดูในรายละเอียดก่อนเสนอกระทรวง
สำหรับระยะเวลาการพิจารณาพักโทษนั้นก็ทำตามปกติ โดยจะมีการประชุมกันเดือนละครั้ง ล่าสุดประชุมไปเมื่อปลายเดือนมกราคมเพื่อพิจารณารายชื่อผู้ต้องขังที่เข้าหลักเกณฑ์พักโทษในเดือนกุมภาพันธ์ แต่ไม่ยืนยันว่ามีรายชื่อใครบ้าง ส่วนนายทักษิณนั้นก็อยู่ในข่าย เนื่องจากอายุเยอะและแม้จะอยู่ในเกณฑ์กรรมการก็จะพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ซึ่งตนไม่อยากเชื่อมโยงกับนายทักษิณ
รายงานข่าวแจ้งว่า นายทักษิณนั้นมีคุณสมบัติเข้าหลักเกณฑ์โครงการพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษเนื่องจากเจ็บป่วยร้ายแรง หรือพิการ หรือมีอายุตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป ซึ่งมีหลักเกณฑ์ดังนี้ เป็นนักโทษเด็ดขาด ต้องโทษมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 หรือ 6 เดือนของกำหนดโทษตามหมายแจ้ง เป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นกลางขึ้นไป ไม่มีโทษกักขัง หรือไม่ถูกคุมขังตามหมายขังในคดีอื่น ต้องมีผู้อุปการะและยินดีรับอุปการะในกรณีที่ไม่มีผู้เกี่ยวข้องกับนักโทษเด็ดขาด
สำหรับนายทักษิณนั้นจะครบกำหนดการพักโทษในวันที่ 18 กุมภาพันธ์นี้ ขณะนี้กรมราชทัณฑ์ได้รวบรวมเสนอรายชื่อผู้ต้องขังที่คุณสมบัติเข้าหลักเกณฑ์พักโทษ และพักโทษกรณีพิเศษเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งมีชื่อของนายทักษิณเป็น 1 ในนักโทษกรณีพิเศษ พร้อมกับผู้ต้องขังรายอื่นอีกจำนวนหนึ่ง เพื่อเสนอไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมพิจารณา เห็นชอบพักโทษตามกำหนดเวลาครบกำหนดพักโทษของนายทักษิณ จากนั้นต้องแจ้งไปยังกรมคุมประพฤติเพื่อรับผิดชอบในขั้นตอนต่อไป