(19 ก.พ.59) เมื่อเวลา 16.30 น. นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง พร้อมด้วยคณะนักศึกษาหลักสูตรพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง รุ่นที่ 7 (พตส.7) จำนวน 100 คน ได้เดินทางมาศึกษาดูงานแนวคิดในการสร้างความเข้มแข็งที่บ้านคีรีวง อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช พร้อมฟังบรรยายสรุปการตั้งศูนย์ส่งเสริมประชาธิปไตยในจังหวัดนครศรีธรรมราช
นายสมชัย กล่าวว่า เมื่อทางรัฐบาลได้ส่งร่าง รธน.มาถึง กกต.ประมาณต้นเมษายน เหลือเวลาอีกประมาณ120 วัน ทาง กกต.จะได้มีการเตรียมการในการทำประชามติ ซึ่งจะต้องมีขั้นตอน และวางผังการทำงานไว้อย่างเรียบร้อยแล้ว ส่วน กกต.ที่จะครบวาระการทำงาน 63 แห่ง และเหลือเพียง 14 แห่งที่ยังคงทำหน้าที่ กกต.นั้นไม่เป็นอุปสรรคแต่อย่างใด ซึ่งก่อนการลงประชามติเราได้วางโครงสร้างไว้แล้ว โดยให้แต่ละจังหวัดตั้ง กกต.เขตประจำหน่วยเลือกตั้งในแต่ละจังหวัด ซึ่งจะไม่เกี่ยวข้องกับหารหมดวาระของ กกต.แต่อย่างใด
เมื่อถาม กกต.จะวางแผนอย่างไรให้ประชาชนเข้าใจถึงการทำประชามติ ร่าง รธน. ในครั้งนี้นั้น นายสมชัยว่า การประชาสัมพันธ์จะต้องมีรูปแบบใหม่ ไม่เหมือนเดิม เราจะมีลูกเล่นเข้าถึงประชาชนทุกระดับ ลดค่าใช้จ่ายในเรื่องกระบวนการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการทราบผลคะแนนการเลือกตั้งล่วงหน้า ซึ่งแต่เดิมเราได้ว่าจ้างนักศึกษาประจำทุกหน่วยแล้วรายงานผลแต่ปัจจุบันนี้เราจะสามารถใช้โซเชี่ยลในการเข้าถึงระบบการเลือกตั้ง โดยบอกเพียงบัตรประจำตัวประชาชน ก็สามารถเดินเข้าไปเลือกตั้งลงคะแนนได้เลย ซึ่งครั้งนี้ก็เช่นกันทาง กกต. พยายามทำอย่างเต็มที่ ต้องทำให้ชาวโลกเห็นว่าประชามติเป็นกลาง ไม่ให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบ ทั้งนี้ กกต.จะพิมพ์รัฐธรรมนูญฉบับเต็ม 1.2 ล้านเล่ม กระจายไปยังจุดต่างๆ ที่ประชาชนจะเข้าถึงได้ เป็นเอกสารสรุปสาระสำคัญของรัฐธรรมนูญ 20 หน้า 6 ล้านเล่ม และสรุปย่อสาระสำคัญ 17 ล้านเล่ม ส่งถึงครัวเรือนที่มีสิทธิลงประชามติทุกครัวเรือน ส่งไปพร้อมเอกสารแจ้งเจ้าบ้าน ให้ประชาชนตัดสินใจออกเสียงประชามติบนฐานความรู้ นอกจากนี้ จะมีแอพพลิเคชั่น ตั้งชื่อแอพฯ “ฉลาดรู้” เหล่านี้เป็นต้น
นายสมชัยกล่าวอีกว่า การทำงานของ กกต.ในยุคนี้ จะรู้สึกสบายใจมากกว่ายุคก่อน เพราะ กกต.เป็นองค์กรอิสระไม่มีใครมาบังคับกันได้อยู่แล้ว โดยส่วนตัวพอในกับการทำงานยุคนี้ มั่นใจว่าหลังจากนี้บ้านเมืองจะดีขึ้นตามลำดับ สิ่งที่จะอยากบอกในเวลานี้ว่า การร่าง รธน.นั้นคงไม่มีใครร่างให้ดีที่สุดได้ เพราะบางครั้งดีต่อคนกลุ่มหนึ่ง อาจจะเสียต่อคนกลุ่มหนึ่ง และเมื่อเป็นผลเสียต่อคนกลุ่มหนึ่งก็อาจเป็นผลดีต่อคนกลุ่มหนึ่งได้ สิ่งที่สำคัญของประชาชนก็คือ ต้องพยายามศึกษาในเนื้อหาสาระอย่างครบถ้วนรอบด้านพิจารณาด้วยเหตุและผลถ้าดีมากกว่าไม่ดีก็รับ หากไม่ดีมากกว่าดีก็ไม่ต้องรับ กกต.ไม่ได้มีบทบาทที่จะบอกให้รับหรือไม่รับ กกต.มีบทบาทในการจัดให้มีการลงประชามติอย่างเที่ยงธรรม ประชาชนต้องคิดและตัดสินใจเอง อย่าใช้อคติ หรือเชื่อคนบางคน จะต้องมีการคุย มีการเถียง และมีการบรรยาย ทุกคนมีสิทธิคิดบนพื้นฐานของเหตุและผล อะไรดีที่สุดสำหรับสังคมไทย นี่คืออนาคตของทุกคน