‘สุวพันธุ์’ ชี้ ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพการแสดงออก แต่ต้องดูว่าอะไรควร-ไม่ควรทำ ปมกลุ่มทะลุวังทำโพลขบวนเสด็จฯ เตรียมเสนอรายงานการศึกษาเรื่องการให้ความคุ้มครองสถาบันฯ ปัดหนุน ‘นิรโทษกรรม’ แต่หนุนแก้ความขัดแย้ง
เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ที่รัฐสภา นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ ส.ว. ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญการพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ เปิดเผยว่า เตรียมเสนอผลการศึกษาการให้ความคุ้มครองสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อวุฒิสภา โดยหยิบยกกรณีศึกษาจากต่างประเทศมาเปรียบเทียบชี้ให้เห็น โดยเชื่อว่าผลศึกษาจะเป็นการตอบคำถามข้อสงสัยของสังคมไทย
นายสุวพันธุ์กล่าว่า การคุกคามขบวนเสด็จฯ แม้การแสดงออกจะเป็นสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ เห็นว่าในข้อเท็จจริงเป็นการอ้างสิทธิการแสดงออก ไม่ตรงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งในวันดังกล่าวขบวนเสด็จพระราชดำเนินไม่ได้มีการปิดถนน ตำรวจใช้มาตรการถวายความปลอดภัยสมดุลกับการอำนวยความสะดวกให้ประชาชน ซึ่งเชื่อว่าวิญญูชนที่รับทราบเหตุการณ์จะตัดสินเองได้ว่าเกิดอะไรขึ้น การทำโพลของกลุ่มทะลุวังไม่ควรทำ และเชื่อว่าทางการข่าวตำรวจรับรู้รับทราบการเคลื่อนไหวชุมนุมและเป็นหน้าที่ของตำรวจที่ต้องดูแล เจรจาไม่ให้มวลชน 2 ฝ่ายมาปะทะกัน ย้ำการเคลื่อนไหวการเมืองทำได้ต้องพอเหมาะ ไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้งบานปลายไปสู่ความรุนแรง เชื่อว่าจะทำให้การเคลื่อนไหวตามสิทธิเสรีภาพเป็นไปด้วยความราบรื่น ซึ่งวิธีจัดการปัญหาความขัดแย้งที่ดีที่สุดคือพูดคุยในที่ลับดีกว่าการเปิดเวทีสาธารณะ
“โพลเรื่องขบวนเสด็จฯควรทำหรือ ให้สังคมไปคิดเอาเองว่าควรทำหรือไม่ ผมไม่เห็นด้วยกับความรุนแรง ต้องไม่ใช้ความรุนแรงแก้ไขปัญหาความขัดแย้งเห็นต่าง ต้องมีความยับยั้งชั่งใจ” นายสุวพันธุ์กล่าว
นายสุวพันธุ์ยังกล่าวถึงการเดินหน้าศึกษาการตรากฎหมายนิรโทษกรรมว่า ส่วนตัวไม่สามารถตอบได้ว่าสนับสนุนการนิรโทษกรรม เพียงแต่สนับสนุนการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง และชี้ว่าประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ไม่ใช่ต้นเหตุของความขัดแย้ง
“เมื่อถามว่ากฎหมายนิรโทษกรรมควรมีหรือไม่ ต้องกลับไปดูว่ามีคนที่ไม่ได้รับความยุติธรรมหรือไม่ จากความขัดแย้งที่เป็นมาในอดีต ถ้ามีแล้วความยุติธรรมนั้นเกิดจากข้อกฎหมาย ต้องหากฎหมายมาแก้ คือนำกฎหมายนิรโทษกรรมมาใช้ แต่เป็นเรื่องละเอียดอ่อน จึงพูดไม่ได้เต็มที่ ถามว่าสนับสนุนกฎหมายนิรโทษกรรมไหม ตอบไม่ได้ว่าสนับสนุน แต่ผมสนับสนุนการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง” นายสุวพันธุ์กล่าว
นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงข้อถกเถียงการนิรโทษกรรมให้แก่ผู้ต้องโทษในคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่า มีการกระทำความผิดจริงหรือไม่ ซึ่งคดีนี้เป็นความผิดเกี่ยวกับการดูหมิ่นอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท ผู้สำเร็จราชการฯ ต้องถามว่าความผิดเกินพอดีหรือไม่ และหากศาลชี้ว่ามีการกระทำผิดจริงควรได้รับการนิรโทษกรรมหรือไม่ หรือหากได้รับการนิรโทษกรรมแล้วจะกลับไปทำอีกหรือไม่