กัณวีร์ ลั่น ‘ผมโลกสวย’ ชัยธวัช เชื่อนิรโทษฯคือทางออก ใช้ ‘การเมืองแห่งความรัก’ คลายปมบ้านเมือง
เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ที่ลานประชาชน รัฐสภา เกียกกาย กรุงเทพฯ เครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชน 23 องค์กร จัดกิจกรรม “ส่งรักให้ถึงสภา ถามหาความยุติธรรม เพื่อนิรโทษกรรมประชาชน” โดยจะมีการส่งมอบร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมประชาชน พร้อมรายชื่อสนับสนุนร่างกฎหมายดังกล่าว ให้กับประธานรัฐสภาและหัวหน้าพรรคการเมืองทุกพรรค หลังร่วมรณรงค์เป็นเวลา 14 วัน
ต่อมาเวลา 19.15 น. เครือข่ายฯ ส่งมอบร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมประชาชน พร้อม 35,905 รายชื่อ ให้กับหัวหน้าพรรคการเมือง และตัวแทนพรรค พร้อมร่วมแสดงความคิดเห็นต่อร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมประชาชน
โดยมีตัวแทนพรรคเพื่อไทย อาทิ น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย(พท.) , นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ ส.ส.บัญชีรายชื่อ, น.ส.ชญาภา สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด น.ส.กิตติ์ธัญญา วาจาดี ส.ส.อุบลราชธานี และ น.ส.วิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย เป็นต้น
ตัวแทนพรรคก้าวไกล อาทิ นายชัยธวัช หัวหน้าพรรค, น.ส.เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายรังสิมันต์, นายเท่าภิภพ, นายปิยรัฐ จงเทพ ส.ส.เขตพระโขนง บางนา, น.ส.พุธิตา ส.ส.เชียงใหม่ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมี นายกัณวีร์ สืบแสง เลขาธิการพรรคเป็นธรรม มาร่วมรับรายชื่อ และให้ความเห็นอีกด้วย
น.ส.พูนสุข พูนสุขเจริญ ตัวแทนจากศูนย์ทนายเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวถึงที่มา ของร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมประชาชน ว่า จาก 14 วัน 107 จุดลงชื่อ ใน 31 จังหวัด 41 อีเวนต์สาธารณะ เครือข่ายฯ รวบรวมรายชื่อ ได้มากกว่า 35,905 รายชื่อ จำนวนดังกล่าว สะท้อนถึงคนที่รู้สึกเดือดร้อน รู้สึกว่าคดีความทางการเมืองไม่ควรจะเกิดขึ้น ไม่ควรดำรงอยู่ในสังคมไทย อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะ 30,000 รายชื่อ 300,000 รายชื่อตัวเลขที่สำคัญที่สุดคือตัวเลข 3, 18, 40 263 1967, 5,027
“3 คือ จำนวนคนที่อดอาหารเพื่อเรียกร้องต่อกระบวนการยุติธรรมในวันนี้ มีบุ้ง ตะวันและแฟรงค์ เพิ่งประกาศอดอาหารในวันนี้
18 คือจำนวนวันที่พุ่งอดอาหารเพื่อเรียกร้องต่อกระบวนการยุติธรรม
40 คือจำนวนผู้ต้องขังทางการเมืองที่ตะวันและแฟรงค์ คือรายล่าสุดที่เข้าไปอยู่ในเรือนจำ
263 คือจำนวนคนที่ถูกดำเนิน ม.112
1967 คือจำนวนผู้ที่ถูกดำเนินคดีทางการเมือง ตั้งแต่ ก.ค.2553
5,027 คือจำนวนผู้ถูกดำเนินคดีตั้งแต่ ปี 2549“
“ยังไม่นับผู้บาดเจ็บหลักพันและผู้เสียชีวิตหลักร้อยในระหว่างความขัดแย้งทางการเมือง ที่ดำรงอยู่อย่างยาวนานไม่อาจจบลงได้โดยง่าย จนทุกวันนี้ความขัดแย้งก็ยังดำรงอยู่ แต่พวกเราหวังใจเป็นอย่างยิ่งว่า ร่าง พ.ร.บนิรโทษกรรมประชาชน จะเป็นก้าวแรกในการคลี่คลายความขัดแย้ง ปลดพันธนาการ คืนความยุติธรรมและคืนความปกติให้กับประชาชน ให้เรากลับมาพูดคุยได้อย่างมีวุฒิภาวะ ไม่ใช้กฎหมายปิดปากประชาชน หรือใช้กระบวนการยุติธรรมเพื่อจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน พวกเราหวังใจว่าพรรคการเมืองที่มีที่มาชอบทำจากประชาชน จะยอมรับว่าสังคมนี้มีปัญหาอะไร แก้ไขปัญหาความขัดแย้ง ระมัดระวังไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” น.ส.พูนสุขกล่าว
น.ส.พูนสุขกล่าวอีกว่า หวังว่า พ.ร.บ.นี้จะเป็นหนึ่งในตัวเลือก ที่จะคลี่คลายความขัดแย้ง โดยตัวแทนของประชาชน เราพร้อมยืนเคียงข้างพรรคการเมืองถูกพักที่ยืนเคียงข้างประชาชน
ด้านนายชัยธวัช หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า คงมีหลายความเห็นที่ยังไม่ตรงกัน หรือมีหลายข้อเสนอที่มีรายละเอียดแตกต่างกัน ทั้งในแง่เนื้อหากระบวนการ ตนก็หวังว่าคณะกรรมาธิการวิสามัญที่สภาเพิ่งได้ตั้งขึ้นนี้ จะเป็นเวทีสำคัญที่เราสามารถรวบรวมหลายความเห็นมาศึกษาเปรียบเทียบ เพื่อเป็นแนวทางตัดสินใจของสภาผู้แทนราษฎรได้
“โดยเบื้องต้นในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกล สนับสนุนการนิรโทษกรรมอยู่แล้ว ใช้หลายโอกาสในการผลักดันเรื่องนี้ และยืนยันว่าการมีกฎหมายนิรโทษกรรม ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นการสร้างบรรทัดฐานที่ผิด หลายคนอาจไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ แล้วมองว่า หากเราสนับสนุนก็จะเป็นการสนับสนุนให้คนกระทำผิดไปเรื่อยๆ และคอยมานิรโทษกรรมกัน พูดอย่างนี้ไม่ได้หมายความว่าไม่มีใครจะทำผิด ต้องวางหลักก่อน” นายชัยธวัชชี้
นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า แน่นอนว่า โดยข้อเท็จจริงเราต้องยอมรับว่ามีคนกระทำผิด รวมถึงมีคนที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิด แต่ทั้งหมดทั้งมวล ตนคิดว่าถ้าเราจะหาทางออกให้กลับบ้านเมือง เราไม่สามารถมองคดีความเหล่านี้ที่มีความเกี่ยวพันกับความขัดแย้งทางการเมือง มีเหตุจูงใจทางการเมืองอย่างแยกไม่ออก เราไม่สามารถมองคดีเหล่านี้เป็นคดีอาชญากรรมปกติได้
“มันต้องมองว่าเป็นปัญหาทางการเมือง เป็นปัญหาความขัดแย้งทางความคิด ดังนั้น ผมก็สนับสนุนการการผลักดันนิรโทษกรรมในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่ง ของการคลี่คลายความขัดแย้งทางการเมืองที่สืบเนื่องยาวนานมาเกือบ 2 ทศวรรษในสังคมไทย
ต้องย้ำว่า ‘เป็นส่วนหนึ่ง’ เพราะผมเชื่อว่าลำพังการนิรโทษกรรมอย่างเดียว คงไม่สามารถที่จะยุติความขัดแย้งได้อย่างสิ้นเชิงแน่นอน คงต้องพูดคุยกันอีกเยอะหลายเรื่อง มันควรจะมีอะไรต้องทำบ้าง ทั้งก่อนและหลังการนิรโทษกรรม ยังเป็นโจทย์ที่ผมหวังว่า มาธิการวิสามัญของสภาฯ จะเป็นหนึ่งในการรวบรวมข้อเสนอเรื่องนี้ด้วย“ นายชัยธวัชกล่าว
นายชัยธวัชกล่าวต่อว่า สุดท้าย ยินดีที่เครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชน สามารถรวบรวมรายชื่อได้ถึงเกือบ 40,000 รายชื่อ ภายในเวลาเพียงแค่ 2 สัปดาห์ มานำเสนอต่อตัวแทนสภาผู้แทนราษฎรในวันแห่งความรัก นี้
“ผมคิดว่า การนิรโทษกรรมก็เป็นส่วนหนึ่งของการเมืองแห่งความรัก ผมว่าเป็นทางออก การเมืองแห่งความรัก ไม่ได้หมายความว่าเราจะรักกันทุกคน แต่ผมคิดว่า การเมืองแห่งความรัก ความเข้าอกเข้าใจ การยืนอยู่บนความปรารถนาดี บนส่วนรวม แม้ว่าเราอาจไม่ได้เห็นตรงกันทุกเรื่อง ผมอยากให้ทุกฝ่ายยืนยันสร้างความเปลี่ยนแปลง ด้วยการสร้างเการเมืองแห่งความรักในเซนส์นี้ ยิ่งเรามาถึงจุดนี้ เห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในสภาฯ วันนี้ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอยากจะผลักดันการเปลี่ยนแปลงบนพื้นฐานความเกลียดชัง ความอยากทำร้ายซึ่งกันและกันผมว่าอันนี้ไม่สำเร็จ”
“ไม่ได้โลกสวยนะ เราเห็นไม่ตรงกันได้แต่ถ้ายืนอยู่บนความปรารถนาดี มันยังมีมุมที่เข้าอกเข้าใจซึ่งกันและกันได้ และหาพื้นที่ตรงกลางได้ หวังว่าเมื่อไหร่ที่ร่างฯ นี้เข้าสู่สภา ส่วนหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร ก็พร้อมที่จะสนับสนุน เพื่อให้เป็นหนึ่ง ในการถูกร่วมพิจารณา ร่วมกับอีกหลายๆ ร่าง และหวังว่าคณะกรรมาธิการวิสามัญเมื่อมีรายงานมาแล้ว จะเห็นร่างของฝั่งรัฐบาลที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนเสนอเข้ามาเพิ่มเติม และพิจารณาร่วมกัน” นายชัยธวัชกล่าว
ด้าน นายกัณวีร์ สืบแสง เลขาธิการพรรคเป็นธรรมกล่าวว่า สำหรับพรรคเป็นธรรม เราฟรีโฟลว์ ไม่ได้อยู่ในคณะกรรมาธิการวิสามัญ
“แต่ก็ขอฝากไว้ พี่ต๋อม ชัยธวัช บอกว่าไม่ได้โลกสวย แต่ผมโลกสวย ผมมองว่า การนิรโทษกรรมช่วงนี้ เป็นการเมืองทางการให้อภัย และเป็นกระบวนการยุติธรรมที่ต้องเปลี่ยนผ่าน นี่คือสิ่งที่เราต้องการ
อย่างไรก็ต้องขอฝากไว้กับคณะกรรมาธิการวิสามัญชุดนี้ ต้องตั้งจุดหมายปลายทางให้ได้ว่าการนิรโทษกรรมของเราคือใคร เป้าหมายของเราที่จะใช้ในร่าง พ.ร.บ.นี้คือใคร พี่น้องของเรา ที่บอกว่าปล่อยนักโทษการเมือง free political prisoner เราต้องการจะปล่อยพี่น้องของเราออกมา ต้องดูให้ดีว่าใครที่ทำผิดต้องได้รับผิด ใครที่ไม่ผิดโดนบังคับใช้กฎหมายไม่ถูกต้อง ต้องถูกปล่อยออกมา ต้องขอฝากไว้” นายกัณวีร์กล่าว
