“ชัยธวัช” ถล่มอำนาจฉ้อฉล ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งครอบงำระบอบประชาธิปไตย ชี้พัฒนาการยุบพรรคน่ากลัวมากขึ้น พยายามสถาปนาระบอบอำนาจนิยม เผด็จการแบบไทยๆ โดยไม่มีปชช.อยู่ในสมการ
เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 1 สิงหาคม 2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 เป็นประธานการประชุม พิจารณาวาระรับทราบรายงานผลการพิจารณาศึกษา เรื่องข้อเสนอในการส่งเสริมสถาบันพรรคการเมืองให้ยึดโยงกับประชาชน ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เป็นประธาน พิจารณาเสร็จแล้ว
โดย นายชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า รายงานกมธ.ฉบับนี้ไม่ได้ทำขึ้นเพื่อพวกตน ไม่มีผลกระทบต่อชะตาชีวิตพวกตน เป็นเรื่องทุกพรรค และผลประโยชน์ประชาธิปไตยไทย ปัญหาใหญ่คือ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พยายามออกแบบให้ดูดี ควบคุมให้พรรคการเมือง เป็นสถาบันของประชาชน แต่ไม่บรรลุเจตนารมณ์ เพราะออกแบบจากฐานคิดต่อต้านประชาธิปไตยโดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว ไม่ไว้วางใจนักการเมือง และอำนาจจากการเลือกตั้ง มองพรรคการเมืองเป็นความเลวร้ายของการเมืองไทย ทุกอย่างจึงกลับตาลปัตรไปหมด เจตนารมณ์ที่อยากให้พรรคการเมืองเป็นของประชาชนไม่เกิดขึ้น กลับเป็นของกลุ่มทุนที่หาประโยชน์ พรรคที่มาจากอุดมการณ์ประชาชนจริงๆเกิดยากมาก
นายชัยธวัช กล่าวว่า ดังนั้น ขอสนับสนุนหลักพรรคเมืองเกิดง่าย ดำรงอยู่ง่าย ยุบยาก ต้องยุบโดยประชาชนเท่านั้น แต่รายงานฉบับนี้ไม่ควรเป็นจุดเริ่มต้นไปสู่การแก้พ.ร.ป.พรรคการเมืองเท่านั้น แต่ควรไปสู่การออกแบบสถาบัน กติกาการเมืองทั้งหมด ที่มีปัญหาจากฐานคิดชุดเดียวกันที่พยายาม ทำให้สังคมไทยเชื่อโดยไม่รู้ตัวว่า ปัญหาการเมืองไทยเกิดจากพรรคการเมือง นักการเมือง อำนาจการเลือกตั้ง แต่ปิดซ่อนเร้นอำนาจฉ้อฉลที่ไม่เคยถูกตรวจสอบจากอำนาจที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง สถานการณ์ปัจจุบันกำลังต่อสู้กับความพยายามสถาปนาระบอบการเมืองที่ทำให้อำนาจที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งอยู่เหนืออำนาจการเลือกตั้ง นี่คือปัญหาใจกลางสำคัญของรัฐธรรมนูญและพ.ร.ป.พรรคการเมือง รวมถึงความคิดปลูกฝังต่อประชาธิปไตยแบบไม่รู้ตัว โดยโยนความผิดให้พรรคการเมือง
นายชัยธวัช กล่าวว่า ส่วนการยุบพรรคนั้น อยากสื่อสารว่า พัฒนาการยุบพรรคน่ากลัวมากยิ่งขึ้น ไม่ใช่แค่การทำลายสถาบันการเมืองของประชาชน แต่ยังเริ่มเห็นอาการยุบพรรคการเมืองที่เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามสถาปนาระบอบอำนาจนิยม หรือเผด็จการแบบไทยๆ ที่เรียกว่า นิติรัฐแบบไทยๆ แปลกแยกออกจากออกหลักการพื้นฐานจากระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมากขึ้นทุกวัน เป็นอันตรายที่หลายคนอาจไม่สังเกต แต่ลองไปอ่านดูคำนิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญหลายฉบับที่ผ่านมาร เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่หลวงกว่าการคิดแค่จะแก้ไข พ.ร.ป.พรรคการเมือง เพื่อให้ระบบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เป็นประชาธิปไตยจริงๆ เป็นของประชาชน มีความหมายจริงๆ ไม่ใช่มีอยู่ในตัวอักษรเท่านั้น ถูกตีความและบังคับใช้โดยที่ไม่ประชาชนอยู่ในสมการ
กระทั่ง เวลา 17.30 น. หลังจากที่สมาชิกอภิปรายครบถ้วนทุกคนแล้ว นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 กล่าวว่า จากการอภิปราย ทุกคนเห็นไปในแนวทางเดียวกัน จึงไม่จำเป็นต้องลงมติ ขอให้ส่งรายงานไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการต่อไป