ปิยพงศ์จวกปมธรรมกาย กฎหมู่เหนือกฎหมาย ถามอนาคตไม่มี คสช.จะอยู่กันอย่างไร

“คสช.” แจงเหตุจำเป็นใช้ ม.44 ค้นธรรมกาย ยันไม่กระทบสิทธิปชช.

เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีที่ คสช.ได้มีคำสั่งที่ 5/60 เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่ให้อำนาจและกำหนดพื้นที่ควบคุม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย บริเวณวัดพระธรรมกาย และพื้นที่โดยรอบว่า ในห้วงเวลาหลายวันที่ผ่านมา ประชาชนโดยทั่วไปได้รับทราบข้อมูลข่าวสารจากการนำเสนอของสื่อทุกประเภท ที่เป็นกลาง ตรงไปตรงมา ด้วยความจริง ในขณะเดียวกันจะได้เห็นเหตุการณ์ต่างๆ ตั้งแต่การปลุกระดมมวลชนมาต่อต้าน การเคลื่อนไหวของแกนนำมวลชน ที่เคยใช้ความรุนแรง และอดีตนักการเมืองเข้ามาในพื้นที่ การบิดเบือนข้อมูล สร้างภาพอันเป็นเท็จเพื่อปลุกกระแสในสังคมออนไลน์ เช่นการปล่อยข่าวเจ้าหน้าที่จะยึดหรือนำพระทองคำของทางวัดไป เจ้าหน้าที่มีอาวุธและใช้ความรุนแรงกับพระและมีการขัดขวางการตรวจสอบใบสุทธิ ของพระ มีการแขวนป้าย We need food เพื่อเจตนาบิดเบือนว่าเจ้าหน้าที่ห้ามนำอาหารเข้าไปภายในวัด เหล่านี้เป็นต้น โดยพยายามจุดกระแสว่า คำสั่งตามมาตรา 44 คือประเด็นปัญหา

พ.อ.ปิยพงศ์กล่าวต่อว่า สิ่งเหล่านี้ คสช.ต้องการชี้ให้เห็นว่านี่คือปัญหาร่วมกันของคนในประเทศ ที่กฎหมายอะไรก็ยุติคนไม่ดีไม่ได้ และวันข้างหน้าถ้าไม่มี ม.44 ไม่มี คสช.เราจะอยู่กันอย่างไร และอนาคตจะเป็นอย่างไร การใช้กฎหมู่ไม่เคารพกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม อันจะนำไปสู่ความเดือดร้อนวุ่นวายในที่สุด ขณะเดียวกันตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ตั้งแต่การเจรจา และขอเข้าตรวจค้น ตามคำสั่งของศาล ซึ่งนอกจะไม่ได้รับความร่วมมือแล้ว ยังถูกขัดขวางทุกวิถีทาง การแถลงข่าวการป่วยไม่สามารถไปไหนได้ การกดดันและต้องการให้เกิดภาพการกระทบกระทั่ง จนสุ่มเสี่ยงต่อการที่จะนำไปสู่ความรุนแรงขึ้น คสช.จึงจำเป็นต้องใช้กฎหมายพิเศษเข้าควบคุมพื้นที่ดังกล่าว อย่างไรก็ตาม คำสั่งที่ 5/60 ไม่ได้กระทบกระเทือน ลิดรอนสิทธิ หรือสร้างผลกระทบต่อประชาชนโดยทั่วไปแต่อย่างใด ในทางตรงข้ามจะเป็นเครื่องมือให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งกฎหมายปกติไม่สามารถทำได้

“คสช.ขอเรียนยืนยันที่จะดำรงไว้ซึ่งความมั่นคงของประเทศชาติ บังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรมและเสมอภาค มีมาตรการต่างๆ ที่เหมาะสมตามขั้นตอน เพื่อให้เกิดความสงบสุข เรียบร้อยของบ้านเมือง และยังคงมีความจำเป็นที่จะต้องคงคำสั่งดังกล่าวไปอีกระยะหนึ่ง จนเป็นที่มั่นใจได้ว่าการบังคับใช้กฎหมายได้ดำเนินไปตามกรอบและคำสั่งของศาล และกระบวนการยุติธรรมที่ถูกต้องสมบูรณ์ แม้ว่าอาจต้องใช้เวลา หรือพบกับอุปสรรคขัดขวาง ทั้งนี้ จนท.ผู้ปฏิบัติงานทุกฝ่ายจะดำรงความมุ่งหมายให้เกิดความเรียบร้อยโดยเร็วที่สุด กับทั้งขอความร่วมมือสนับสนุนจาก สื่อมวลชนได้เสนอข้อมูลที่ถูกต้องตามความเป็นจริง เพื่อความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายอย่างต่อเนื่องต่อไป” พ.อ.ปิยพงศ์กล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image