จุลพันธ์ ยันไม่ลอยแพ แจกแน่ปีหน้า เงินหมื่นเฟส 2 ย้ำก้อนแรกเข้า 25 ก.ย.

‘จุลพันธ์’ แจงยิบ ไทม์ไลน์แจกเงินระลอกแรก แบ่งจ่าย 4 วัน 25-30 ก.ย. โอนตรงเข้าบัญชีครั้งเดียว เผย เลื่อนลงทะเบียนกลุ่มคนไม่มีสมาร์ทโฟนออกไปก่อน เหตุจะเกิดความสับสน ชี้ รอแถลงความชัดเจนหลังจบเฟสแรก ปัดตอบความชัดเจนเฟส 2 ระบุรอดูยอดรวมทั้งหมดก่อน รับ ไม่ทันปีนี้ ลั่น ทำได้วัตถุประสงค์ ยัน ยังเกิดเป็นพายุหมุน แม้จะไม่ตรงตามแผนเดิม

เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 13 กันยายน ที่รัฐสภา นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงภาพรวมโครงการดิจิทัลวอลเล็ตว่า ในส่วนของงบประมาณมีความพร้อม โดยมีงบประมาณเพิ่มเติมปี’67 ประมาณ 1.22 แสนล้านบาท บวกงบกลางบางส่วน รวมทั้งสิ้นประมาณ 1.45 แสนล้านบาท และงบปี’68 จำนวน 1.87 แสนล้านบาท ซึ่งทั้งหมดจะเป็นฐานตั้งต้นโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงดิจิทัลวอลเล็ต โดยเราจะให้ความสำคัญกับกลุ่มเปราะบางเป็นอย่างแรก ด้วยการปรับเปลี่ยนงบประมาณของปี 67

โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มผู้พิการ 2.1 ล้านคน ที่มีการผูกบัญชีธนาคารกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ซึ่งเมื่อเรากดปุ่มโครงการเงิน 1 หมื่นบาท ก็จะโอนเข้าบัญชี และ 2.กลุ่มที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 13.5 ล้านคน ซึ่งได้นำข้อมูลของทั้ง 2 กลุ่ม มารวมกันคัดเลือกเหลือ 14.5 ล้านคน ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่ยังมีความจำเป็นในการผูกกับระบบพร้อมเพย์ กลไกจะง่ายมากเพราะสามารถเดินเข้าไปที่ตู้เอทีเอ็มและเสียบบัตรเพื่อผูกบัญชีได้เลย หรือจะไปที่ธนาคารเพื่อให้ดำเนินการได้เช่นกัน

นายจุลพันธ์กล่าวต่อว่า ทั้ง 2 กลุ่มจะได้รับเป็นเงินสด ตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย. โดยจะใช้เวลาในการโอนเข้าบัญชีทั้งหมดในเวลา 4 วัน ซึ่งกระทรวงการคลังวางแผนไว้เรียบร้อย วันที่ 25 ก.ย. จะเป็นกลุ่มผู้พิการ 2.1 ล้านราย บวกกับกลุ่มบัตรสวัสดิการฯ ที่ถือบัตรประชาชน ลงท้ายด้วยเลข 0 ในวันที่ 26 ก.ย. จะเป็นกลุ่มที่บัตรประชาชนลงท้ายด้วยเลข 1-3 ส่วนวันที่ 27 ก.ย. บัตรประชาชนลงท้ายด้วยเลข 4-7 และวันที่ 30 ก.ย. บัตรประชาชนลงท้ายด้วย 8-9

ADVERTISMENT

นายจุลพันธ์กล่าวว่า สาเหตุที่มีการเปลี่ยนแปลงเพราะเรารับฟังความคิดเห็นที่มี ส.ว.ร้อง เพื่อขอให้มีการแจกเป็นเงินสด ส่วน ส.ส.เองก็บอกว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจรอไม่ได้ เราจึงเดินหน้าให้มีการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเร็ว เพราะฉะนั้น ภายในสิ้นเดือน ก.ย. เม็ดเงินจำนวน 1.45 แสนล้านบาทจะลงถึงระบบเศรษฐกิจ เพื่อให้มีการจับจ่ายใช้สอย เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งจากตัวเลขทางเศรษฐศาสตร์ชี้ว่าการบริโภคขั้นสุดท้ายในกลุ่มเปราะบางมีแนวโน้มสูงกว่าการออม ที่เชื่อว่าจะเกิดการหมุนเวียนที่ดีแม้จะเป็นเงินสด

นายจุลพันธ์กล่าวว่า ในส่วนของการลงทะเบียนโครงการดิจิทัลวอลเล็ตกลุ่มแรก ยืนยันว่าจะปิดในวันที่ 15 ก.ย.นี้ ซึ่งขณะนี้มียอดคนลงทะเบียนทั้งหมด 32 ล้านคน อย่างไรก็ตาม เราจำเป็นต้องเลื่อนการลงทะเบียนกลุ่มที่ผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟนออกไปก่อน เพราะอยากให้การจ่ายเงินในรอบแรกจบลงก่อน โดยเราจะมาชี้แจงอีกครั้งภายในช่วงปลายเดือน ก.ย.นี้ ทั้งนี้ ยืนยันว่าระบบทั้งหมดมีความพร้อม และธนาคารที่ดำเนินการก็มีความพร้อม แต่หากไปทำพร้อมกับการแจกเงินจะทำให้เกิดความสับสน และภายหลังจากที่มีการลงทะเบียนของกลุ่มผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟน เราจะได้จำนวนผู้ลงทะเบียนทั้งหมด ซึ่งจะทำให้เราสามารถบริหารจัดการได้ว่าจะเดินหน้าโครงการนี้ได้อย่างไร อย่างไรก็ตาม เราจำเป็นต้องหักผู้ที่อยู่ในกลุ่มเปราะบางออกจากคนลงทะเบียนทั้งหมดเพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน หากเหลือยอดเท่าไหร่จะมาดูเม็ดเงินในมือ และบริหารตามความเหมาะสม

ADVERTISMENT

รมช.คลังกล่าวอีกว่า ส่วนโครงการจะดำเนินการได้ทันภายในปีนี้หรือไม่นั้น ยอมรับว่าล่าช้าเล็กน้อยจากที่เราคาดการณ์ไว้ เพราะมีการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล รวมถึงการเชื่อมโยงระบบ อีกทั้งในช่วงที่ผ่านมา เราไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้เราจะเดินหน้าต่อเพื่อให้ระบบจ่ายเงินเกิดความสมบูรณ์ และยืนยันว่ายังมีคำว่าบล็อกเชนและวอลเล็ต ซึ่งคาดว่าจะเสร็จภายในต้นปี’68 ส่วนการทดสอบระบบยืนยันว่าต้องให้เกิดความมั่นใจเพราะเป็นโครงการขนาดใหญ่ จะให้เกิดความผิดพลาดไม่ได้ และยินดีให้หน่วยงานต่างๆ ตรวจสอบให้เต็มที่

“เราจะไม่เร่งเครื่องทางการคลัง จนเกินความเหมาะสม หมายความว่าที่เขาห่วงกันว่าที่เราจะไปเอางบประมาณจากทางโน่น ทางนี้มารวมกัน เราอาจจะไม่ทำขนาดนั้น ส่วนที่มีข้อห่วงใยว่าจะไปตัดงบกลาง คงไม่ดำเนินการอย่างนั้น” นายจุลพันธ์กล่าว

นายจุลพันธ์กล่าวว่า เราสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการนี้ได้ทุกอย่าง ด้วยการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะเร่งด่วนรวมถึงระลอกถัดไป และสามารถทำโครงสร้างพื้นฐานทางด้านดิจิทัล เพราะเราจะมีการทำระบบดิจิทัลวอลเล็ตในกลุ่มถัดไป นอกจากนี้ เราประสบความสำเร็จในการทำให้ประชาชนเข้าถึงและคุ้นชินแอพพ์ทางรัฐ

นายจุลพันธ์​กล่าวต่อว่า ในส่วนโครงการอื่นๆ ถัดไปเราก็ต้องดูเนื่องจากเราลดจำนวนเงินก้อนใหญ่ที่ใช้ในการกระตุ้นให้เล็กลงมาจึงต้องดูจังหวะให้เกิดระลอกคลื่นอย่างเหมาะสม รวมถึงการที่รัฐบาลเข้ามาใหม่ ต้องมีกลไกตั้งคณะกรรมการนโยบายขึ้นมาใหม่ ที่แต่งตั้งโดยนายกฯ ส่วนข้อสังเกตของ ส.ส.ที่ขอให้มีการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ เช่น โครงการสร้างทักษะหรือปรับเปลี่ยนอุตสาหกรรม ยืนยันว่าเราจะไปดูในรายละเอียดเพื่อให้มีความเหมาะสม

เมื่อถามว่า หมายความว่าประชาชนที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มเปราะบางต้องรอความหวังให้มีการจ่ายทั้งระบบ ในปีหน้าใช่หรือไม่ นายจุลพันธ์กล่าวว่า “ปีหน้า” เมื่อถามย้ำว่าจะได้ภายในไตรมาสแรกของปีหน้าใช่หรือไม่ นายจุลพันธ์หัวเราะและกล่าวว่า “อย่ากำหนดเวลาแบบเดิมเลย เดี๋ยวต้องมานั่งถามทุกสัปดาห์อีก เดี๋ยวต้องมีคำตอบที่ชัดเจนออกมา แต่ต้องให้เวลากับมันนิดหนึ่ง”

เมื่อถามว่าเฟส 2 ต้องรอให้เฟสแรกใช่เงินให้หมดก่อนหรือไม่ นายจุลพันธ์กล่าวว่า ไม่ได้กำหนดขนาดนั้น แต่ต้องมีระยะเวลาที่เหมาะสม แต่จะรอให้ใช้หมดก็ได้ไม่เสียหาย

เมื่อถามถึงที่ก่อนหน้านี้ที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ระบุว่าจะจ่าย 5 พันบาทเป็นเงินสดและอีก 5 พันบาทเป็นดิจิทัลวอลเล็ต แสดงว่าตอนนี้ได้ข้อยุติแล้วใช่หรือไม่ นายจุลพันธ์กล่าวว่า พูดชัดไม่ได้ รอตัวเลขสุดท้ายก่อน ทั้งนี้ หากยอดทั้งหมดมี 32 ล้านคน เชื่อว่าทำครั้งเดียวจบได้ แต่หากมีผู้ลงทะเบียนเพิ่มเติมก็ต้องมาพิจารณาใหม่

เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่าจะมีการเพิ่มกลุ่มผู้สูงอายุ ออกมาเป็นอีกกลุ่มหนึ่ง นายจุลพันธ์กล่าวว่า ยังไม่มีความคิดนี้ เนื่องจากแต่ละกลุ่มคนมีการทับซ้อนกัน อย่างไรก็ตาม จะยังไม่มีการเพิ่มกลุ่มใดๆ และคงเป็นไปได้ยาก เพราะงบประมาณที่เตรียมไว้ถูกกำหนดไว้แล้ว ทำให้เพิ่มลำบาก

เมื่อถามถึงการพัฒนาระบบที่จะใช้ในโครงการ นายจุลพันธ์กล่าวว่า ยืนยันว่าระบบจะยังเป็นเหมือนเดิม โดยเป็นบล็อกเชน มีกลไกที่เชื่อมต่อกับระบบธนาคาร ส่วนคนที่ลงทะเบียนไปแล้วจะต้องรอให้ระบบพัฒนาเสร็จสิ้นใช่หรือไม่นั้น นายจุลพันธ์กล่าวว่า “ใช่ครับ”

เมื่อถามว่า เงิน 1 หมื่นบาทที่จะจ่ายในระลอกแรกมีข้อจำกัดในการใช้จ่ายหรือไม่ นายจุลพันธ์กล่าวว่า ไม่มีข้อจำกัด ส่วนที่ไม่เติมเงินเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เนื่องจากจะเกิดข้อจำกัด อาทิ ใช้ได้เฉพาะร้านค้าธงฟ้า บางส่วนถูกล็อกให้จ่ายได้เฉพาะค่าไฟ หรือค่าน้ำ ดังนั้น การที่เราให้เป็นเงินสด เพื่อปลดล็อกข้อจำกัดดังกล่าว ส่วนจะทำให้เกิดผลลบเพราะไม่สามารถควบคุมการใช้จ่ายได้นั้น ยอมรับว่าเรื่องนี้มีข้อท้วงติง ซึ่งเราได้เคยชี้แจงไปแล้วว่าการแจกเป็นเงินสดจะทำให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจลดลง แต่ข้อดีคือจะได้ผลในกลุ่มเปราะบางซึ่งเป็นกลไกที่เรายอมรับได้

เมื่อถามว่า สรุปแล้วเป้าหมายของโครงการนี้เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือแค่การแจกเงิน เพราะหลายอย่างไม่ตรงกับเป้าหมายเดิมที่วางไว้ เช่น การเกิดพายุหมุน นายจุลพันธ์กล่าวว่า “ก็เกิดพายุอยู่ จะใหญ่จะย่อมลงไปบ้าง แต่อย่างไรก็เกิดเป็นพายุหมุน แต่ถึงจะเปลี่ยนมันก็มีทั้งข้อดี และข้อเสีย”

เมื่อถามว่ามีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าประชาชนที่ลงทะเบียนในเฟส 2 จะไม่ได้รับเงิน 10,000 บาทแล้วนั้น นายจุลพันธ์กล่าวว่า เป็นการวิเคราะห์ที่ผิด ยืนยันว่าได้และไม่ถูกลอยแพแน่นอน เพราะมีเงินมาแล้ว แต่ไม่สามารถที่จะบอกเวลาในการแจกเงินได้อย่างชัดเจน

ผู้สื่อข่าวจึงแซวว่าจะจ่ายเงินครบภายในรัฐบาลชุดนี้ใช่หรือไม่ ทำให้นายจุลพันธ์ หัวเราะและตอบกลับว่า ไม่ขนาดนั้นหรอกมั้ง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image