“สุดารัตน์” ชี้ ความเท่าเทียมระหว่างชาย-หญิงต้องเริ่มที่ตัวเรา แนะส่งเสริมคนดีโดยเฉพาะผู้หญิงเข้าสู่การเมือง
เมื่อวันที่ 8 มีนาคม คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และแกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวเนื่องในวันสตรีสากล ว่า ความเท่าเทียมกันระหว่างชาย-หญิง ต้องเริ่มที่ตัวเรา ต้องพิสูจน์ความตั้งใจจริง ความสามารถและคุณธรรม ปัจจุบันผู้หญิงมีบทบาทมากขึ้นในสังคมไทย ทั้งด้านการเมือง ด้านการบริหารในองค์กรต่างๆ ในระยะเวลาหลายปีมานี้ ผู้หญิงได้พิสูจน์ตัวเองจนทำให้สังคมยอมรับถึงเรื่องของความสามารถ ศักยภาพ ความรับผิดชอบ คุณธรรมความซื่อสัตย์สุจริต และความมีน้ำอดน้ำทน แต่ปัญหาที่ยังมีอยู่คือ ผู้หญิงเป็นห่วงกังวลความเสียหายเรื่องชื่อเสียง และความเป็นผู้หญิงบางทีก็ถูกใส่ร้ายกันง่ายๆ โดยเฉพาะเรื่องชู้สาวซึ่งเป็นเรื่องเสียหายในสังคมไทย
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า พรรคได้ส่งเสริมให้ผู้หญิงดึงศักยภาพของตนเองมาช่วยสังคมให้มากที่สุด โดยเฉพาะนโยบายที่เกิดขึ้นในสมัยท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์เรื่องกองทุนสตรีฯ เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้หญิงได้ใช้ศักยภาพตนเองที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ เป็นตัวอย่างที่ดีที่จำเป็นต้องส่งเสริมต่อ ต้องส่งเสริมทั้งสองส่วนคือ พัฒนาศักยภาพของผู้หญิงและดึงศักยภาพของผู้หญิงมาเป็นประโยชน์ต่อสังคม
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวอีกว่า อยากเห็นหลักการที่จะสนับสนุนผู้หญิงในระยะยาว โดยเฉพาะกฎหมายลูกที่เกี่ยวกับพรรคการเมือง การเลือกตั้งต่างๆ ที่กำลังจะออกมา ถ้าจะสนับสนุนให้ผู้หญิงเข้าสู่การเมือง ขอฝากสองส่วน ส่วนหนึ่งคือกฎหมายลูกที่เกี่ยวข้อง ถ้าสามารถกำหนดสัดส่วนผู้หญิงได้ก็จะเป็นเรื่องดี ส่วนที่สองที่รัฐบาลนี้ควรทำอย่างยิ่งนอกจากเรื่องของกฎหมายคือ ต้องลดความพยายามที่จะตำหนิฝ่ายการเมืองว่าเป็นสิ่งไม่ดี คนไม่ดี โดยที่รวมทั้งเพศชายและหญิงเข้าไปด้วย ถ้ารัฐบาลนี้จริงใจที่จะคืนประชาธิปไตยที่มีการพัฒนาที่ยั่งยืน และจะไม่ใช่ประชาธิปไตยที่เป็นปัญหาดังที่รัฐบาลกล่าวอ้างมา รัฐบาลนี้ต้องส่งเสริมให้ชัดคือ การกระทำที่รัฐบาลพยายามสร้างบรรยากาศและปรับทัศนคติของตนเองต่อมุมมองของประชาธิปไตย รู้หลักของประชาธิปไตย แล้วส่งเสริมให้คนดีเข้ามาสู่การเมืองโดยเฉพาะผู้หญิง ถ้าเป็นนโยบายของรัฐบาลเองว่าเลือกตั้งครั้งหน้าอยากให้นักการเมืองที่ดีเข้ามา นักการเมืองก็เป็นอีกอาชีพหนึ่งที่จำเป็นสำหรับการทำงานของประเทศ ถ้าในระบอบประชาธิปไตยหรืออยากส่งเสริมให้ผู้หญิงเข้ามา ถ้ารัฐบาลหรือผู้นำรัฐบาลสามารถปรับทัศนคติตัวเองได้แบบนี้ ในอนาคตนอกจากผู้หญิงเข้ามาทำการเมืองแล้ว คนดีๆ ทั้งชายและหญิงก็จะเข้ามาทำการเมืองได้
