“ปึ๊ง” ร่ายยาวปมถอดถอน ลั่น รู้ชะตากรรม ไม่ขอความเห็นใจ โวยแค่อยู่เพื่อไทยก็โดน

“ปึ๊ง” ร่ายยาว 4 ชม.เต็ม แถลงปมถูกถอดถอน ลั่น ไม่ขอความเห็นใจเพราะรู้ชะตากรรม โวย แค่อยู่พรรคเพื่อไทย-มีเจ้านายชื่อ “ทักษิณ” ก็โดนสนช.สอยได้แล้ว ด้าน ป.ป.ช.แฉใช้เวลา1วันคืนพาสปอร์ต “สุภา” ฉะช่วย “แม้ว” ไม่ให้กลับประเทศ

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 16 มีนาคม ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)มีนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสนช.ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณากระบวนการถอดถอนนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ กรณีการออกหนังสือเดินทางธรรมดาให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยมิชอบ ตามที่คณะ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ส่งเรื่องให้สนช.ดำเนินการ ทั้งนี้ นายสุรพงษ์ขออนุญาตนำเก้าอี้ส่วนตัวมานั่งในห้องประชุม โดยอ้างว่ามีอาการกล้ามเนื้อขาอ่อนแรงต้องใช้เก้าอี้พิเศษช่วยเป็นการเฉพาะ ซึ่งนายสุรชัยก็อนุญาตให้นำเข้ามา จากนั้นน.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการป.ป.ช. แถลงเปิดสำนวนว่า เรื่องดังกล่าวมีที่มาจากการที่นายทักษิณถูกฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดีที่ดินรัชดา และถูกห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ต่อมานายทักษิณขออนุ ญาตเดินทางออกนอกประเทศชั่วคราวระหว่างวันที่ 31 มีนาคม -10 สิงหาคม 2551แต่นายทักษิณไม่เดินทางกลับเมื่อถึงเวลาที่กำหนด ทำให้นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ขณะนั้นเพิกถอนหนังสือเดินทางนายทักษิณ 2 ฉบับคือ หนังสือเดินทางการทูตในวันที่ 12 ธันวาคม 2551 และหนังสือเดินทางธรรมดาในวันที่ 12 เมษายน 1551

น.ส.สุภา กล่าวว่า ต่อมาสมัยนายสุรพงษ์เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ นายทักษิณได้ยื่นคำร้องขอหนังสือเดินทางธรรมดาต่อสถานทูตไทยที่เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ เมื่อวันที่ 25 ต.ค.2554 ซึ่งในวันเดียวกันสถานทูตไทยเมืองดูไบ ได้เสนอเรื่องมายังกระทรวงต่างประเทศ และนายสุรพงษ์ได้สั่งท้ายหนังสือถึงกรมการกงสุลว่า นโยบายรัฐบาลปัจจุบันเห็นว่า การคงอยู่ต่างประเทศต่อไปของนายทักษิณไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศไทย ดังนั้นขอให้ยกเลิกคำสั่งยกเลิกหนังสือเดินทางของนายทักษิณในสมัยรัฐบาลที่แล้ว และให้ออกหนังสือเดินทางธรรมดาคืนแก่นายทักษิณ ในที่สุดกรมการกงสุลจึงคืนหนังสือเดินทางให้นายทักษิณ เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2554 ใช้เวลาดำเนินการวันเดียวจบ ป.ป.ช.พิจารณาแล้วเห็นว่า ไม่ปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงต่างประเทศว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง ที่ไม่ตรวจสอบความถูกต้องและสถานะผู้ร้องขอหนังสือเดินทาง เพราะนายทักษิณถูกออกหมายจับหลายคดีอาทิ คดีที่ดินรัชดา คดีหวยบนดิน คดีเอ็กซิมแบงก์ คดีแปลงสัญญาณสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิต คดีก่อการร้าย และจากการตรวจสอบนโยบายรัฐบาลสมัยน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่พบว่า ในคำแถลงนโยบายต่อรัฐสภามีเรื่องการคืนหนังสือเดินทางแก่นายทักษิณอยู่ในนโยบายรัฐบาล

“นอกจากนี้ยังพบว่า ไม่มีหน่วยงานใดแจ้งต่อรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ว่า การที่นายทักษิณอยู่ต่างประเทศจะไม่เป็นอันตรายต่อประเทศไทย ขณะเดียวกันนายทักษิณมีชื่ออยู่ในบัญชีบุคคลที่ต้องตรวจสอบการออกหนังสือเดินทาง ซึ่งเป็นหน้าที่กระทรวงต่างประเทศต้องตรวจสอบให้เรียบร้อยจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่นายสุรพงษ์ กลับออกหนังสือเดินทางให้ภายในวันเดียว จึงขัดต่อระเบียบตามระเบียบข้อบังคับของกระทรวงต่างประเทศว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง ถือเป็นการใช้อำนาจตามอำเภอใจ และปฏิบัติหน้าที่มิชอบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ทำให้เกิดความเสียหายต่อกระทรวงต่างประเทศและกระบวนการยุติธรรมไทย เป็นการช่วยให้นายทักษิณไม่ยอมเดินทางกลับมาเมืองไทยเพื่อฟังคำพิพากษาคดีต่างๆ” น.ส.สุภา กล่าว

Advertisement

ต่อมาเวลา 11.30 น. นายสุรพงษ์ แถลงเปิดสำนวนว่า ตนไม่ขอความเห็นใจจากทุกคน เพราะทราบว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร ที่มาชี้แจงเพื่อให้จบตามพิธีกรรมของสนช. ยืนยันว่า ตลอดชีวิตการทำงานยึดมั่นกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับ ไม่เคยก้าวก่ายแทรกแซง สั่งการข้าราชการทำสิ่งผิด และการบรรจุวาระถอดถอนตนใช้เวลา 1เดือน เป็นการเร่งรีบจัดการกับตน จะปฏิเสธว่าไม่มีใบสั่งคงไม่ได้ ทุกคนรู้แก่ใจกันดี อย่ายัดเยียดความผิดตน เพราะอยู่พรรคเพื่อไทย หรือมีเจ้านายชื่อทักษิณ ทำให้ลืมตัวบทกฎหมาย หวังจำกัดตนอย่างไม่เป็นธรรม ขอชี้แจงใน 5 ประเด็นอาทิ คำร้องของนายวิรัตน์ กัลยาศิริ อดีตส.ส.ประชาธิปัตย์ ที่เข้าชื่อส.ส.139 คนถอดถอนตน ถือว่าไม่ครบถ้วนตามกฎหมาย เพราะไม่มีการลงลายมือชื่อแนบสำเนาบัตรประชาชนของผู้เข้าชื่อ เอกสารจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย อีกทั้ง นายภักดี โพธิศิริ อดีตกรรมการป.ป.ช. ถือว่าขาดคุณสมบัติเป็นกรรมการป.ป.ช. เนื่องจากไม่ได้ลาออกจากการเป็นกรรมการในองค์การเภสัชกรรมเมอริเออร์ชีววัตถุ จำกัด ภายในเวลาที่กำหนด จึงถือว่าไม่มีคุณสมบัติเป็นกรรมการป.ป.ช.ตั้งแต่ต้น

นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ส่วนที่ป.ป.ช.ระบุว่า ตนใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบคืนหนังสือเดินทางให้นายทักษิณ ขอชี้แจงว่า ตามระเบียบกระทรวงต่างประเทศว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง พ.ศ.2548 ข้อ 48 ระบุว่า ปลัดกระทรวงต่างประเทศเป็นผู้มีหน้าที่โดยตรงในการออกหนังสือเดินทาง มิได้เป็นอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศดำเนินการ แม้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศจะให้นโยบายเช่นใด แต่ถือเพียงเป็นข้อพิจารณาเพื่อประกอบการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ในการออกหนังสือเดินทางให้ผู้ร้องเท่านั้น ทั้งนี้บันทึกความเห็นที่เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องในการออกหนังสือเดินทางอาทิ ปลัดกระทรวงต่างประเทศ อธิบดีกรมการกงสุล อธิบดีกรมสนธิสัญญา ที่ได้พิจารณาคำร้องขอหนังสือเดินทางของนายทักษิณ ส่งมาให้ตนระบุว่า เหตุผลที่นายกษิต ภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ยกเลิกหนังสือเดินทางของนายทักษิณใช้อำนาจตามข้อ 23 (7) ระเบียบกระทรวงต่างประเทศว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง ระบุว่า หากผู้ถือหนังสือเดินทางอยู่ในต่างประเทศอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศไทย ซึ่งเหตุผลดังกล่าวไม่ใช่ข้อวินิจฉัยทางกฎหมาย แต่เป็นข้อวินิจฉัยด้านข้อเท็จจริงและการตัดสินใจด้านนโยบายที่อาจเห็นแตกต่างกันได้ หากผู้วินิจฉัยมีความเห็นเป็นอย่างอื่น ตนจึงแสดงความเห็นโดยบริสุทธิ์ใจว่า การอยู่ต่างประเทศของนายทักษิณไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศไทย ให้คืนหนังสือเดินทางแก่นายทักษิณ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุรพงษ์ใช้เวลาแถลงเปิดสำนวนยาวเหยียด โดยยืนชี้แจงนานถึง 4 ชั่วโมงเต็มตั้งแต่เวลา 11.30 น. ถึง 15.30 น. แม้จะแจ้งว่ามีอาการกล้ามเนื้อขาอ่อนแรง ต้องขอนำเก้าอี้พิเศษส่วนตัวมาใช้ในห้องประชุมก็ตาม แต่นายสุรพงษ์ก็ไม่ได้นั่งเก้าอี้ดังกล่าวแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมสนช.ได้ตั้งคณะกรรมาธิการซักถาม จำนวน 7 คน อาทิ พล.ร.อ.ธราธร ขจิตสุวรรณ นายนิพนธ์ นราพิทักษ์กุล พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ นายยุทธนา ทัพเจริญ นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ นายวิทยา ฉายสุวรรณ มาทำหน้าที่ซักถามคู่กรณีทั้งสองฝ่ายให้มาตอบข้อสงสัยจากสมาชิกสนช.ในวันที่ 23 มีนาคมต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image