ผู้นำฝ่ายค้านฯ จี้แก้ปัญหา “ฝุ่นพิษกับการกระจายอำนาจ” ถามหาจุดยืนรบ. หลังมีพฤติกรรมสวนทางหลายรอบ ซัดไม่อยากให้แก้ปัญหาแบบปะผุ ด้าน ‘ประเสริฐ’ ยันรัฐบาลให้ความสำคัญกระจายอำนาจ แต่ผ่านกม.เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เผยวันนี้ไฟเขียวท้องถิ่นทำแผนจัดการฝุ่นของบได้
เวลา 10.40 น. วันที่ 30 มกราคม ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา ของนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน และผู้นำฝ่ายค้านในสภา เรื่อง ฝุ่นพิษกับการกระจายอำนาจ ถามนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกฯได้มอบหมายให้นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯและ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ชี้แจงแทน
นายณัฐพงษ์กล่าวว่า อยากทราบว่าในงบประมาณรายจ่ายปี’69 และปีต่อๆ ไป รัฐบาลมีแนวโน้มจัดสรรงบประมาณให้แก่ท้องถิ่นเป็นงบประจำ เพื่อให้จัดการเกี่ยวกับเรื่องฝุ่นพิษด้วยด้วยตัวเองอย่างไร และรัฐบาลมีแนวนโยบายให้รัฐมนตรีที่รักษาการกฎหมายแต่ละฉบับได้แต่งตั้งเจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจตามกฎหมายต่างๆ หรือไม่ อย่างไร
นายณัฐพงษ์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ตนยังอยากทราบถึงจุดยืนของพรรคเพื่อไทยในการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น เพราะพฤติกรรมของพรรคเพื่อไทยที่ผ่านมา ตั้งแต่รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ก็มีนโยบายผู้ว่าฯซีอีโอ ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับการกระจายอำนาจ หรือแม้แต่การเพิ่มสัดส่วนรายได้ให้แก่ท้องถิ่น พรรคเพื่อไทยก็ปัดตกร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ของพรรคประชาชน ที่กำหนดให้กระจายรายได้สู่ท้องถิ่นสัดส่วนปีละ 1 เปอร์เซ็นต์ เป้าหมายคือ 35 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งที่สุดอดีตนายกฯปัดตก มาถึงรัฐบาลชุดนี้
พรรคประชาชนเสนอร่าง พ.ร.บ.ขนส่งทางบก สาระสำคัญคือการกระจายอำนาจ ให้ขนส่งได้ใช้พลังงานสะอาด แต่กลับถูกโหวตคว่ำ ล่าสุด ร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด มี กมธ.เสียงข้างน้อยจากพรรคเพื่อไทยสงวนความเห็นอยากให้ผู้ว่าฯนั่งเป็นหัวโต๊ะคณะกรรมการอากาศสะอาดของจังหวัด แทนที่จะให้นายก อบจ.เป็นประธาน
ผู้นำฝ่ายค้านฯกล่าวด้วยว่า นโยบายหาเสียงของพรรคเพื่อไทยบอกว่าพร้อมจะให้มีเลือกตั้งผู้ว่าฯในจังหวัดที่มีความพร้อม จึงอยากทราบว่าพร้อมกี่จังหวัดแล้ว และอยากทราบถึงเจตนารมณ์ของรัฐบาลว่ามีแนวคิดเพิ่มสัดส่วนรายได้ท้องถิ่นถึง 35 เปอร์เซ็นต์เมื่อใด และสุดท้ายอยากทราบว่าเห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.ภาษีบ้านเกิดเมืองนอน ซึ่งเป็นร่างกฎหมายของพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ ถ้าเห็นด้วยเหตุใดไม่เสนอเป็นร่างของคณะรัฐมนตรี (ครม.)
“หลายคนที่รับฟังคำชี้แจงของรองนายกฯ น่าจะคิดเหมือนผมว่ายังไม่ได้คำตอบที่ไม่ชัดเจนเพียงพอเท่าไหร่ เราอยากถามถึงมาตรการที่ชัดเจนว่าปีหน้าจะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก ไม่อยากให้แก้ปัญหาแบบปะผุ” นายณัฐพงษ์กล่าว
ด้านนายประเสริฐชี้แจงว่า รัฐบาลมีความห่วงใยและจัดประชุมหลายครั้งในหลายหน่วยงาน นายกฯให้ความสำคัญมาก และมีข้อสั่งการตลอด หลายข้อสั่งการได้บรรลุเป้าหมาย เราได้มีการจัดสรรงบประมาณปีต่อๆไปในการแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษ รวมถึงมาตรการป้องกันและแก้ปัญหาไฟป่า
โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะนี้ทางกระทรวงมหาดไทย มีข้อสั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด จากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดให้นโยบายกับผู้บริหารท้องถิ่นว่าทุกฝ่ายสามารถจัดทำแผนป้องกันฝุ่น เพื่อตั้งงบประมาณได้ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ประกาศพื้นที่ควบคุมเหตุรำคาญ และดำเนินการกับผู้กระทำผิดตาม พ.ร.บ.สาธารณสุขได้
นายประเสริฐกล่าวต่อว่า ส่วนการเผาไหม้ มีนโยบายบูรณาการกับหลายหน่วยงาน เช่น กระทรวงอุตสาหกรรมงดรับซื้ออ้อยไฟไหม้ กระทรวงเกษตรฯ งดเว้นสิทธิเกษตรกรที่เผานา แม้แต่ใน กทม.ก็มีมาตรการหลายอย่าง อาทิ ขอความร่วมมือเรื่องฝุ่นที่เกิดจากรถ เช่นห้ามรถ 6 ล้อเข้าไปในพื้นที่ฝุ่นมาก
แต่ปัญหาของ กทม. คือ จังหวัดรอบปริมณฑลมีการเผา ทำให้ฝุ่นละอองปลิวเข้า กทม. โดยเฉพาะอย่างยิ่งมหาดไทยมีการประชุมและมอนิเตอร์ทุกวัน หลายมาตรการเกี่ยวกับฝุ่นซึ่งได้ดำเนินการแล้ว และได้ผลเป็นที่พอใจ แต่ยังไม่สิ้นสุด
“จุดยืนของพรรคเพื่อไทยเรื่องการกระจายอำนาจ พรรคให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ส่วนเรื่องการผ่านกฎหมายอาจมีความรู้สึกว่าหลายฉบับไม่ได้รับการตอบรับในสภา แต่มีหลายเรื่องที่ได้รับการตอบรับ เช่น พ.ร.บ.สุราเสรี ไม่ใช่ไม่ให้ความสำคัญ แต่การผ่านกฎหมายเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและสำคัญมาก
ส่วนเรื่องร่าง พ.ร.บ.บ้านเกิดเมืองนอน ยังตอบไม่ได้ เพราะยังไม่เข้า ครม. วันนี้ท้องถิ่นทำภารกิจได้พอสมควร ให้อำนาจท้องถิ่นแก้ไขเรื่องอื่นๆ ยืนยันว่าจุดยืนของนักการเมืองเห็นความสำคัญกับประโยชน์ของประชาชนอย่างแน่นอน” นายประเสริฐกล่าว