ทัพภาค 3 ตรึงกำลังซีลพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา 24 ชม.ชั่วโมง เน้นแลกเปลี่ยนข่าว ตรวจเข้ม ชาวจีนข้ามแดน

ทัพภาค 3 ตรึงกำลังซีลพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา 24 ชม.ชั่วโมง เน้นแลกเปลี่ยนข่าว ตรวจเข้มชาวจีนข้ามแดน

เมื่อวันที่ 30 มกราคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ท.กิตติพงษ์ จันทร์สุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวถึงการดูแลพื้นที่บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา ว่า จะมีการปฏิบัติการเพิ่มเติมเพื่อซีลชายแดนให้แน่นขึ้น และจะมีการตรึงกองกำลังต่างๆ ให้แน่นขึ้นตลอด 24 ชั่วโมง โดยจะเพิ่มการลาดตระเวนสกัดกั้น และใช้มาตรการทางการข่าว เนื่องจากบริเวณแนวชายแดนประเทศไทยมีพื้นที่ยาวมาก คงเป็นไปไม่ได้ที่จะนำเจ้าหน้าที่ทหารขึงพืดตามแนวชายแดน จึงจะต้องมีการประสานกับหลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องงานข่าวกรอง

เมื่อถามว่าขณะนี้มีกำลังพลเพียงพอหรือไม่ แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า จะใช้กำลังมหาศาลอย่างไรก็ไม่พอ เราต้องรู้จักจัดวางและศึกษาเส้นทางจุดล่อแหลม ที่เขาจะเข้ามา พร้อมต้องวางจุดตรวจ จุดสกัด ขณะในพื้นที่ทุรกันดาร และยากลำบาก ก็ต้องมีการจัดเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแล พร้อมนำอุปกรณ์ส่วนหนึ่งที่ทางสำนักงานคณะกรรมการป้องกันปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เข้าไปสนับสนุน เช่น อุปกรณ์ชุดเฝ้าตรวจ

ทั้งนี้ พล.ท.กิตติพงษ์ ยังระบุด้วยว่าจะมีการสนธิกำลังหลังจากเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ในการซีลพื้นที่ชั้นที่ 2 หัวใจสำคัญต้องบูรณาการทุกภาคส่วนที่ต้องร่วมมือกันและจับมือกันให้แน่น เพื่อแลกเปลี่ยนข่าวสาร

ADVERTISMENT

เมื่อถามว่ามีข้อมูลหรือไม่ว่าไฟที่จ่ายไปจากประเทศไทย ส่งไปใช้แบบผิดประเภท แม่ทัพภาคที่ 3 ระบุว่า เราจะใช้กลไกของผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นศูนย์สั่งการชายแดน ส่วนเรามีหน้าที่สนับสนุนกำลังพลเพื่อตรวจสอบข้อมูลต่างๆ โดยเฉพาะจุดท่าข้ามต่างๆบริเวณแนวชายแดน และจุดที่สามารถลุยข้ามลำน้ำได้ และพื้นที่ทุรกันดารเราต้องช่วยเหลือร่วมมือกันเข้าไปตรวจสอบ ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดถือเป็น CEO ของแต่ละจังหวัด

เมื่อถามว่าที่กระทรวงมหาดไทยระบุว่าอยากให้ฝ่ายความมั่นคงต้องชี้ให้ชัดเจนว่าใครเป็นผู้รับผิดชอบ แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า อย่างที่ตนบอกเป็นเรื่องของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและทางกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ดูแล โดยเรามีหน้าที่สนับสนุนด้านกำลังพล มีกลไกประสานกับประเทศเพื่อนบ้าน

ADVERTISMENT

เมื่อถามว่าขณะนี้มีการรายงานหรือไม่ว่าบริเวณด่านชายแดนไปยังชเวก๊กโก เมียนมา แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า ช่วงนี้อากาศมีความแห้งแล้ง บริเวณแม่น้ำเมยมีระดับลดลง สามารถเดินข้ามลำน้ำได้ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นการลักลอบเข้าไปหรือออกมาจะต้องใช้การลาดตระเวนเฝ้าตรวจ และอาจจะต้องมีการวางเครื่องมือ

ขณะที่การเข้า-ออก ของชาวจีนส่วนใหญ่เป็นการออกหนังสือเดินทางอย่างถูกต้อง แต่หลังจากที่มีข่าวการค้ามนุษย์ออกมา ทางจังหวัดก็มีการตรวจขัน เมื่อเห็นว่ามีลักษณะท่าทางไม่ดี “เอ๊ะ!หน้าขาวๆ หึย…มายังไง ไปยังไง”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image