“สรรเพชญ” เตรียมยื่นข้อเสนอ7ข้อต่อที่ประชุมครม.สัญจร 18 ก.พ. จับตา รัฐบาลให้ความสำคัญแก้ปัญหาหรือเก็บไว้เฉยๆ
เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ นายสรรเพชญ บุญญามณี ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ได้จัดทำข้อเสนอเพื่อแก้ไขปัญหาซ้ำซากในพื้นที่จังหวัดสงขลา และเตรียมยื่นต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)สัญจร ซึ่งจะจัดขึ้นในจังหวัดสงขลา วันที่ 18 กุมภาพันธ์ เนื่องจากตนได้ลงพื้นที่รับฟังปัญหาของประชาชนมาโดยตลอด พบว่าหลายปัญหายังคงเป็นอุปสรรคต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน แม้จะมีความพยายามแก้ไข แต่ยังไม่มีแนวทางที่เป็นรูปธรรม ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของชาวสงขลาอย่างต่อเนื่อง
“ผมขอเรียนไปยังท่านนายกรัฐมนตรีให้พิจารณาสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาเหล่านี้โดยเร่งด่วน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน” นายสรรเพชญ กล่าว
นายสรรเพชญ กล่าวต่อว่า 7 ปัญหาสำคัญ ที่ต้องการให้รัฐบาลเร่งแก้ไข คือ 1.ความล่าช้าของโครงการอควาเรียมหอยสังข์ โครงการก่อสร้างศูนย์ศึกษาเพาะพันธุ์สัตว์น้ำทะเลสาบสงขลา ซึ่งตั้งอยู่ที่วิทยาลัยประมงติณสูลานนท์ อำเภอเมืองสงขลา มีความล่าช้าในการดำเนินการมานานกว่า 16 ปี ใช้งบประมาณไปแล้วไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท แต่ยังคงเป็นอาคารร้างและไม่มีความคืบหน้า ปัจจุบันโครงการอยู่ภายใต้การพิจารณาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แม้ตนได้ใช้กลไกของรัฐสภาในการผลักดันให้เกิดความคืบหน้า และทำหนังสือติดตามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน หากปล่อยให้โครงการนี้ค้างอยู่ อาจกลายเป็น “อนุสาวรีย์แห่งการโกง” ที่สร้างความผิดหวังให้ชาวสงขลา
2. ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากบริเวณห้าแยกน้ำกระจาย จุดนี้เป็นพื้นที่รับน้ำจากเขาเทียมดา และมีปัญหาการระบายน้ำที่ไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดน้ำท่วมขังเป็นประจำทุกครั้งที่ฝนตกหนัก ส่งผลกระทบต่อการสัญจรและทรัพย์สินของประชาชน
3. ปัญหาการรับซื้อคืนเรือประมงที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการ IUU หลังจากประเทศไทยถูกบังคับใช้มาตรการตรวจสอบและควบคุมการทำประมงผิดกฎหมาย ส่งผลให้เรือประมงจำนวนมากต้องหยุดกิจการ จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีนโยบายที่ชัดเจนในการรับซื้อคืนเรือประมงที่ได้รับผลกระทบ ทำให้ชาวประมงสูญเสียรายได้และขาดความมั่นคงทางอาชีพ จึงเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งหาทางออกที่เป็นธรรมและยั่งยืนให้แก่ชาวประมงที่ได้รับผลกระทบ
4.ปัญหาผลกระทบจากลิงในพื้นที่ ที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนในหลายพื้นที่ของจังหวัดสงขลา จำเป็นต้องมีมาตรการบริหารจัดการประชากรลิงอย่างเป็นระบบ เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกับชุมชนได้โดยไม่เกิดปัญหา
5. ปัญหาการโอนเงินเยียวยาน้ำท่วม 9,000 บาทที่ล่าช้า จากเหตุอุทกภัยที่ผ่านมา รัฐบาลมีนโยบายช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้วยการเยียวยา ครัวเรือนละ 9,000 บาท แต่จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีการโอนเงินเยียวยาดังกล่าว ส่งผลให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจำนวนมากยังคงเผชิญกับความยากลำบาก จึงขอให้รัฐบาลเร่งรัดการจ่ายเงินเยียวยาน้ำท่วมโดยเร็วที่สุด
6.การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เมืองเก่าสงขลา และการแก้ไขปัญหาที่จอดรถ เมืองเก่าสงขลาเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่กำลังได้รับการผลักดันให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม และอยู่ใกล้กับจุดท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัด
และ 7.ผลักดันให้หาดใหญ่เป็นศูนย์กลางทางการเงิน (Financial Hub) หาดใหญ่ ถือเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจที่สำคัญของภาคใต้ตอนล่าง เป็นเมืองที่มีศักยภาพสูงในการเป็นศูนย์กลางด้านการค้าการลงทุน เชื่อมโยงเศรษฐกิจระหว่างไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ แต่ยังขาดนโยบายสนับสนุนที่ชัดเจนจากภาครัฐในการพัฒนาเมืองหาดใหญ่ให้เป็นศูนย์กลางทางการเงินของภาคใต้ โดยการดึงดูดสถาบันการเงินและบริษัทด้านการลงทุน ให้เข้ามาตั้งสำนักงานและให้บริการในระดับภูมิภาค พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลและการเงิน เช่น ระบบชำระเงินข้ามพรมแดนที่สะดวกสำหรับนักธุรกิจและนักท่องเที่ยว การยกระดับหาดใหญ่ให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษด้านการเงิน เพื่อดึงดูดนักลงทุนจากประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้หาดใหญ่สามารถก้าวขึ้นเป็น ศูนย์กลางเศรษฐกิจ การเงิน และการลงทุน ที่สำคัญของภูมิภาค สร้างโอกาสในการจ้างงานและกระตุ้นเศรษฐกิจของสงขลาและภาคใต้ตอนล่างอย่างยั่งยืน
“การประชุม ครม. สัญจร ในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสสำคัญที่รัฐบาลจะได้รับฟังปัญหาในพื้นที่ภาคใต้โดยตรง โดยเฉพาะปัญหาที่ยืดเยื้อและยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งประชาชนในสงขลาต่างจับตาดูว่ารัฐบาลจะให้ความสำคัญและมีมาตรการอย่างไรในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ หรือจะปล่อยให้เป็นเพียงแค่ข้อเสนอที่ถูกเก็บไว้ในเอกสารอีกครั้งหนึ่ง”นายสรรเพชญ กล่าว