‘ปกรณ์วุฒิ’ ชี้ควรคงเจตนาห้ามออกหมายจับ ส.ส.ไว้ แต่หากเป็นคดีส่วนตัว ควรเข้าสู่กระบวนยุติธรรมเหมือน ปชช.คนอื่น โยนสภาตีความหลัง ‘ปูอัด’ บินรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว
เมื่อเวลา 09.45 น. วันที่ 18 กุมภาพันธ์ ที่รัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์กรณีที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ จะมีการพิจารณาตามคำขอของตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ ว่าจะอนุมัติให้นำตัวนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ ส.ส.กทม. พรรคไทยก้าวหน้า (ทกน.) ไปดำเนินคดีในข้อหาข่มขืนนักท่องเที่ยวหญิงชาวไต้หวันว่า พรรค ปชน.จะมีการพูดคุยถึงแนวทางการลงมติวันที่ 18 กุมภาพันธ์ แต่เรามีจุดยืนที่ค่อนข้างชัดเจนเหมือนที่เคยบอกมาแล้ว และคิดว่าเจตนารมณ์ของกฎหมายในการห้ามออกหมายจับ ส.ส. ซึ่งมีมานานแล้ว เนื่องจากสมัยก่อนการเมืองต้องใช้คำว่าป่าเถื่อนกว่านี้ เพราะในสมัยนั้นมีการไปยัดข้อหากันเพื่อไม่ให้ ส.ส.มาโหวต แต่ก็เห็นว่าเราควรที่จะคงเจตนารมณ์นี้ไว้ และหากเป็นคดีที่เป็นเหตุทางการเมือง แน่นอนว่าเราจะไม่อนุญาต เช่น ในสมัยที่แล้วมีการออกหมายจับเกี่ยวกับคดีชุมนุม ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นคดีทางการเมือง
นายปกรณ์วุฒิกล่าวต่อว่า คิดว่าคดีที่เป็นคดีส่วนบุคคลโดยแท้ เราควรจะพิจารณาดีๆ ว่าควรให้ ส.ส.เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและต่อสู้ทางกระบวนการยุติธรรม ทั้งนี้ เราไม่ได้บอกว่า ส.ส.คนนั้นกระทำผิดตามที่ถูกกล่าวหา แต่แค่อยากให้เห็นว่าในเมื่อเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับคดีส่วนบุคคลโดยแท้ ก็ควรต้องเข้าสู่กระบวรการยุติธรรมเหมือนประชาชนคนอื่น จริงๆ มีเหตุผลมากกว่านั้นคือนายไชยามพวานก็ได้แจ้งความประสงค์ชัดเจนว่าจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เข้าไปรับทราบข้อกล่าวหาด้วยตัวเอง ฉะนั้น สิ่งที่พรรคประชาชนจะลงมติก็เป็นไปตามความต้องการของ ส.ส.เอง และเป็นไปตามหลักการที่เรายึดถือด้วย
เมื่อถามว่า มีรายงานข่าวว่าวันนี้นายไชยามพวานจะไปรับทราบข้อกล่าวหาที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถดำเนินคดีได้เลยหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า ไม่ทราบ เรื่องเทคนิคทางกฎหมาย แม้จะพยายามหาคำตอบแต่ก็ยังหาไม่ได้ ซึ่งคิดว่าต้องเป็นฝ่ายสภาที่จะต้องตีความว่าเหตุการณ์เช่นนี้ต้องดำเนินการต่ออย่างไร หนทางกฎหมายจะเป็นอย่างไร