ส.ส.แม่ฮ่องสอน พรรคกล้าธรรม ยัน นทท.อิสราเอล แค่จัดปาร์ตี้สร้างความรำคาญ ไม่มีแย่งงานตั้งถิ่นฐานในปาย
เมื่อเวลา 14.35 น. วันที่ 18 กุมภาพันธ์ ที่ทำการพรรคกล้าธรรม นายปกรณ์ จีนาคำ ส.ส.แม่ฮ่องสอน พรรคกล้าธรรม กล่าวถึงกรณีที่มีสื่อโซเชียลเผยแพร่ว่าในพื้นที่ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน มีชาวยิวที่ร่วมการสู้รบสงครามในเขตกาซา ปาเลสไตน์ และเลบานอน ย้ายมาตั้งถิ่นฐานใน อ.ปาย ว่า นักท่องเที่ยวในประเทศไม่ได้ระบุว่าเป็นแค่เชื้อชาตินี้ แต่มีหลายเชื้อชาติ ส่วนใน อ.ปาย ที่ตนได้รับรายงานมาสักพักบางส่วนเป็นเรื่องเหตุรำคาญ การจัดปาร์ตี้ และการจราจร แต่ก็ได้มีการพูดคุยกันมาตลอดในช่วง 2-3 สัปดาห์
“ที่มีบางครั้งมีการขยายความไปมากจนเกินไป ซึ่งมองแล้วมันจะเป็นผลกระทบมากกว่าเป็นผลดี และจากข้อมูลที่ผมมีเกี่ยวกับนักท่องเที่ยวอิสราเอลในเดือนหนึ่งมีเข้ามา 2,000 คน กลุ่มคนที่อยู่ถาวรมีไม่เกิน 10 คน มีบางคนเท่านั้นที่แต่งงานกับคนไทย บางคนเป็นอาจารย์สอน และเป็นบริษัทปรึกษาทางธุรกิจ แต่เป็นการทำงานทางด้านออนไลน์ ส่วนที่ระบุว่ามีการสร้างโบสถ์ สร้างวิหาร ข้อมูลเท่าที่ทราบเป็นการเช่าอาคาร และมีการขออนุญาตถูกต้อง เป็นพื้นที่รวมกลุ่มจำนวนคนได้ 200 คน เป็นการรวมกันทำพิธีกรรมตามความเชื่อทุกวันศุกร์และเสาร์ ซึ่งสถานที่ดังกล่าวเขาได้มีการขออนุญาตจดเป็นมูลนิธิ สถานที่ ลักษณะเช่นนี้มี 5 ที่ในประเทศไทย และใหญ่สุดอยู่ที่กรุงเทพฯ ใครก็ถามนักท่องเที่ยวที่มีมากสุดใน อ.ปาย คือ อังกฤษ อเมริกา เยอรมนี อิสราเอล” นายปกรณ์กล่าว
นายปกรณ์กล่าวอีกว่า ส่วนปัญหาเรื่องที่ว่าจะมาแย่งอาชีพ หรือทำพันธสัญญาอะไรนั้นต้องบอกว่าไม่มี แต่เรื่องเหตุรำคาญ หรือการไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบ หรือวิถีประเพณีของเรานั้นก็ยังมีอยู่และก็ได้ตักเตือนกันไปแล้ว ล่าสุดตนได้มีการหารือกับหน่วยงานของจังหวัดถึงประเด็นทั้งการสูบกัญชาในที่สาธารณะและเรื่องจราจร ก็ได้มีการเข้าไปกำชับตักเตือน
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่จังหวัดได้เข้าไปกำชับตักเตือนแล้ว แต่ชาวบ้านยังไม่พอใจในมาตรการหรือไม่ นายปกรณ์กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าสื่อโซเชียลบางสื่อก็มีผลประโยชน์ทับซ้อนด้วย แต่ถ้าถามว่าชาวบ้านมีผล หรือได้รับความเดือดร้อนหรือไม่ ก็ยอมรับว่ามี เป็นเรื่องเหตุรำคาญและการจัดปาร์ตี้ เพราะมีการรวมตัวและกระจายจัดปาร์ตี้ไปตามจุดต่างๆ เพราะอย่าลืมว่าพื้นที่ อ.ปาย เป็นพื้นที่ธรรมชาติ อาจจะดูผิดวิถีของชาวบ้าน แต่เชื่อว่าเรื่องเหล่านี้สามารถกำกับควบคุมได้ถ้าเราช่วยกัน แต่ข่าวที่ว่าชาวบ้านไม่พอใจ ก็มี แต่ไม่ได้มากเท่ากับที่สื่อโซเชียลนำเสนอ
เมื่อถามว่า ในฐานะเป็น ส.ส.ในพื้นที่จะมีการคุยกับทางจังหวัดว่าให้จัดพื้นที่โซนนิ่งกินดื่ม และพื้นที่เที่ยวธรรมชาติ นายปกรณ์กล่าวว่า ตามจริงมีการจัดอยู่แล้ว ซึ่ง จ.แม่ฮ่องสอน เราอยากกำหนดโซนนิ่ง แต่เราติดเรื่องของพื้นที่ เพราะในจังหวัด 90% เป็นพื้นที่ป่า ถ้าเราจะไปกำหนดโซนนิ่งคงต้องใช้เวลา และอีกส่วนหนึ่งเป็นในเรื่องของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ผังเมือง พ.ร.บ.ท้องถิ่น จึงเป็นข้อกำหนดที่เรายังติดการทำเป็นโซนนิ่ง
เมื่อถามว่า ในฐานะเป็น ส.ส.ในพื้นที่ มองว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาแค่เรื่องการท่องเที่ยว หรือมีความมั่นคงมาเกี่ยว นายปกรณ์กล่าวว่า เรื่องความมั่นคงคงไม่ถึงขนาดตามที่เป็นข่าว ตนมองว่าเป็นการดึงประเด็นบางเรื่องมาเล่นมากกว่า เพื่อให้เกิดกระแสไปพ่วงกับที่อื่นมากกว่า