‘ภูมิธรรม’ ชี้ส่งกลับคนจีนล็อตสุดท้าย ก่อนคุย 3 ชาติหาข้อสรุปต่อ เตรียมตั้งศูนย์ดำเนินการคล้าย ศปช. ให้แม่ทัพ 3 คุม พร้อมตั้งโฆษกแจงความคืบหน้า ยันมีการตรวจไบโอเมตริกซ์ จนท.ไม่ทำผิดแน่ สั่งขึ้นทะเบียนคนจีนที่ถูกส่งกลับ ห้ามเข้าไทยอีก
เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าภายหลังการหารือร่วมกันระหว่าง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายหลิว จงอี ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงและสาธารณะ แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และ พล.อ.อ่อง จอจอ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยแห่งสหภาพเมียนมา ที่สนามบินแม่สอด จ.ตาก เพื่อรับฟังสรุปแผนการปฏิบัติงาน
จากนั้นทั้ง 3 คน จับมือกันเพื่อแสดงให้เห็นว่าภารกิจทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เพราะเกิดความร่วมมือจาก 3 ประเทศ และมีการมอบหมายให้นายภูมิธรรมเป็นคนแถลงข่าว
นายภูมิธรรมแถลงว่า มาครั้งนี้ติดตามการร่วมมือ ซึ่งทั้ง 3 ฝ่ายได้คุยกันทั้งหมดแล้วว่าการทำงานร่วมกันครั้งนี้มีการวางแผนทำล่วงหน้าเป็นเดือนๆ แล้ว และคุยกันในระดับรัฐมนตรีมาจนถึงวันนี้ บางทีเวลาที่ นายหลิว จงอี มาพื้นที่แล้วไม่มีฝ่ายนโยบายปรากฏตัวก็เพราะเราคุยกันเรื่องการทำงานแล้ว ไม่ใช่เข้าใจผิดว่าจีนมีอำนาจมาสั่งการต่างๆ ซึ่ง นายหลิว จงอี ได้ให้ตนประชาสัมพันธ์ว่าเขายินดีให้เราแจ้งให้สื่อทราบ และขอโทษกับความมุ่งมั่นที่เขาอยากแก้ปัญหาให้เร็ว จนทำให้เกิดความเข้าใจผิดในประเด็นนี้
ดังนั้น ขอให้เข้าใจและช่วยเคลียร์ด้วย ไม่งั้นจะเสียหายต่อความร่วมมือ 3 ส่วนที่เกี่ยวข้อง เพราะไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำเรื่องนี้ได้สำเร็จ เนื่องจากเกี่ยวพันกับชายแดนและหลายกระบวนการ ดังนั้น ถ้าไม่จับมือร่วมกันก็คงเป็นไปไม่ได้ และทุกฝ่ายจะเคารพอธิปไตยของแต่ละประเทศ รวมถึงปฏิบัติตามกฎหมายท้องถิ่นของแต่ละประเทศอย่างเต็มที่
การมาครั้งนี้เป็นรูปธรรม มีความร่วมมือของ 3 ฝ่าย หลังจากนี้ภายใน 1 สัปดาห์ หรืออาจมากกว่านี้ จะมีการพูดคุยไตรภาคีระดับรัฐมนตรี 3 ฝ่าย ซึ่งขณะนี้ พล.อ.อ่อง จอจอ จะบินกลับแล้ว พร้อมเมื่อไหร่เขาจะมาทันที ส่วน นายหลิว จงอี ติดภารกิจนิดหน่อย ถ้าเรียบร้อยเขาก็ให้เราเป็นคนจัดการ โดยปลัดกระทรวงกลาโหมได้ประสานกระทรวงการต่างประเทศแล้ว ขณะนี้มีการเตรียมการหมดแล้ว
สำหรับวันนี้ขอยืนยันอีกครั้งว่าไทยจะรับเหยื่อชุดนี้เป็นชุดสุดท้ายตามข้อตกลงที่คุยกัน หลังจากนี้ยังมีความเห็นที่แตกต่าง แต่ไม่ใช่ขัดแย้งกัน จะมีการคุยกันในไตรภาคี ให้ตกลงกันให้ได้ในไตรภาคี ซึ่งเขาเล่ากระบวนการให้ฟังว่าตั้งแต่ออกจากที่เมียนมาก็มีกระบวนการทั้งหมดจัดการ
ส่วนเรื่อง “ไบโอเมตริกซ์” ก็มีการดำเนินการ อย่าให้ใครมาเที่ยวพูดว่าเจ้าหน้าที่ไม่ทำไบโอเมตริกซ์ ไม่ได้ เพราะโทษถึงขั้นสูงสุด อย่าคิดว่าพวกเราเอาชีวิตไปเสี่ยง เพราะฉะนั้นทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการกฎหมายทั้งสิ้น
นายภูมิธรรมระบุว่า อีกเรื่องที่ตนไม่สบายใจที่มีการพูดว่าชาวอุยกูร์ติดไปด้วยตรงนี้นั้น สื่อสามารถตรวจสอบได้ เพียงแต่การที่ไม่ได้ให้เข้ามาถ่ายภาพเพราะไม่อยากให้ถ่ายใบหน้า เป็นเรื่องสิทธิมนุษยชน คนเหล่านี้มีปะปนกันไป และกระบวนการทั้งหมดเราตรวจสอบอย่างเต็มที่ และทั้ง 3 ประเทศ จะตรวจสอบและให้ข้อมูลกันและกัน ขณะเดียวกันไทยยังไม่อนุญาตให้มีการตั้งสำนักงาน ขอเจรจาคุยกัน 3 ฝ่ายไปก่อน โดยไทยเป็นหลักในการให้เข้าและออก
ทั้งนี้ การตรวจสอบที่ชายแดนเมียนมาจนจบกระบวนการมีเจ้าหน้าที่ไทยเข้าร่วมตรวจสอบด้วย และมีกระบวนการเหมือนกับการให้คนเข้าเมือง ดำเนินการทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมายตามหลักสิทธิมนุษยชน
นายภูมิธรรมกล่าวต่อว่า ขณะนี้กำลังหยิบเอากฎหมายที่เราเคยใช้ในปี 2548 มาใช้ เพื่อตั้งหัวขบวน อาจเป็นเหมือนศูนย์ ศปช. และมีผู้ดำเนินการทั้งหมด ขณะนี้ใช้กลไกให้แม่ทัพภาคที่ 3 เป็นซิงเกิลคอมมานด์ ถ้าหากออกมาแล้วก็จะเป็นองค์กรที่มีกลไกชัดเจน จะมีโฆษกชี้แจง ให้ข้อมูลสื่ออย่างต่อเนื่อง มีทั้งทหาร ตำรวจ และกระทรวงการต่างประเทศ
นายภูมิธรรมยืนยันอีกว่า ชาวจีนที่ผ่านออกไปต้องผ่านกระบวนการทั้งหมด ไม่มีลัดขั้นตอน เพราะจะมีโทษทางกฎหมาย ในมาตรา 119 ซึ่งชุดที่ออกไปนี้ถือเป็นบุคคลต้องห้าม ไม่สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้อีก และไม่ขอใช้คำว่าจะมีการขึ้นแบล๊กลิสต์หรือไม่ แต่ย้ำว่าไม่สามารถเข้าประเทศไทยได้ ขณะที่ผลการคัดกรองชาวจีน 200 คน ในวันนี้ปรากฏว่าเขาเป็นเหยื่อหรืออาชญากรหรือไม่ เรื่องนี้ก็ยังไม่ขอตอบ
สำหรับภารกิจวันนี้จบวันนี้ ถ้าจะเข้ามาใหม่ก็ต้องดำเนินการคัดกรองให้แล้วเสร็จ ซึ่งทางเมียนมายืนยันว่าจะรีบส่งรายชื่อให้กับทางการไทย ตนจึงได้ตอบกลับให้เร่งส่งรายชื่อเข้ามาทันที ก่อนที่จะข้ามมา ซึ่งไทยจะขอตรวจสอบอย่างละเอียด แต่หากไทยตรวจสอบแล้วก็ต้องอยู่ฝั่งเมียนมาไปก่อน จนกว่าไทยจะติดต่อประเทศที่เกี่ยวข้องได้ และนำเครื่องบินมารับ โดยเฉพาะประเทศอื่นๆ จะต้องมีการประสานเอกอัครราชทูต ซึ่งหลายประเทศได้มีการพูดคุยกับประเทศไทย และได้มีการพูดคุยอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่มีช่องทางในการติดต่อเอาคนออกมาจากเมียนมา ยืนยันว่าการดำเนินการของไทยในครั้งนี้ได้รับคำชื่นชมจากนานาชาติและประชาคมโลกว่าไทยจะสามารถช่วยเหลือประเทศต่างๆ ได้
ส่วนมาตรการนี้จะใช้ระยะเวลาอีกเท่าไหร่ เพราะขณะนี้รวบรวมรายชื่อได้มากกว่า 3,000 คนแล้ว นายภูมิธรรมระบุว่า ทุกอย่างอยู่ที่กระบวนการ หากเสร็จสิ้นก็สามารถกลับได้เช่นเดียวกับคนสัญชาติจีนในวันนี้
ส่วนมาตรการตามแนวชายแดนจะซีลเข้มข้นหรือไม่ เพราะจากการลงพื้นที่ชาวบ้านยังพบการลักลอบขนส่งสินค้าไปยังเมียวดี รวมถึงการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์จากไทย นายภูมิธรรมยืนยันว่า ทุกอย่างสามารถตรวจสอบได้ ขณะนี้ได้เตรียมการทั้งหมดไว้ และอยู่ในกระบวนการที่สามารถจัดการได้ ส่วนจะเข้มข้นหรือไม่ อยู่ที่การประเมินผล
ส่วนการส่งรายชื่อจากฝั่งเมียนมาให้ไทยมีกี่รายแล้ว นายภูมิธรรมกล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ขอตอบ
กรณีชาวแอฟริกาที่ตกค้าง ไทยมีแผนรองรับอย่างไร นายภูมิธรรมย้ำว่า แผนคือให้ติดต่อและนำตัวกลับ ถ้ายังไม่นำตัวกลับก็ต้องให้อยู่ฝั่งเมียวดี อย่างไรก็ตาม จะต้องมีการสรุปว่าสถานทูตใดมีการติดต่อมายังประเทศไทยแล้ว และย้ำว่าจะใช้แนวทางตามที่ได้ปฏิบัติอยู่ทุกวันนี้ ซึ่งจะไม่มีการรับเข้ามาในประเทศไทย แต่จะเป็นผู้อำนวยความสะดวกเพื่อช่วยเหลือ หากมีคนพร้อมรับกลับก็พร้อมที่จะให้เข้าประเทศไทย
นายภูมิธรรมยังย้ำต่อว่า การตั้งศูนย์ ศปช.ส่วนหน้า จะรีบตั้งภายในไม่กี่วันนี้ โดยที่ตนจะเป็นคนเสนอให้นายกรัฐมนตรีได้เซ็นคำสั่งนี้ โดยไม่ต้องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อให้มีกระบวนการของเจ้าหน้าที่มีกฎหมายรองรับ เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานจะได้สบายใจ และรัฐบาลจะได้ดำเนินการให้ชัดเจน
อย่างไรก็ตาม หลังจากนายภูมิธรรม, นายหลิว จงอี และ พล.อ.อ่อง จอจอ และคณะเดินทางถึงท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ทั้ง 3 คนได้จับมือกัน ขณะที่นายหลิว จงอี ได้ยกนิ้วโป้งให้นายภูมิธรรม
ทั้งนี้ สื่อมวลชนไทยได้สอบถาม นายหลิว จงอี ว่า Mission complete หรือไม่ นายหลิว จงอี ไม่ตอบ แต่ได้พยักหน้าแล้วยิ้มให้ ก่อนจะหันไปบอกทีมงานว่า complete ทีมงานจึงบอกกับสื่อมวลชนว่าโอเค