อนุทิน มอง ความเห็นกฤษฎีกา มีน้ำหนัก แม้ไม่ได้บังคับ แต่เป็นเหมือนที่ปรึกษากฎหมายแห่งรัฐ หลังมีรายงานข่าว อำนาจพิจารณา คดีฮั้วเลือก สว.เป็นของ กกต. ไม่ใช่ ดีเอสไอ
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 26 กุมภาพันธ์ ที่ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เลื่อนการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ หรือ กคพ. ออกไป เพื่อพิจารณารับหรือไม่รับคดีฮั้วเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ว่าตนได้ติดตามจากข่าวเท่านั้น เพราะไม่ได้เป็นคณะกรรมการ แต่มีปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นหนี่งในกรรมการและมาเล่าให้ตนฟัง ว่าเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายให้เคร่งครัด เพื่อขจัดปัญหาต่างๆในภายภาคหน้า ซึ่งทั้งหมด ก็แล้วแต่การพิจารณาของคณะกรรมการ เพราะทุกคนมีเอกสิทธิ์ในการใช้ดุลยพินิจที่จะตัดสินใจ
เมื่อถามต่อว่า มีรายงานว่า นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้ความเห็นว่า ดีเอสไอ ไม่มีอำนาจในการพิจารณาคดีนี้ เนื่องจากเป็นอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายอนุทิน กล่าวว่า หากเป็นตนในฐานะรัฐมนตรี เวลาจะตัดสินใจอะไรในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะต้องฟังเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นหลักไว้ก่อน
แต่ไม่ได้มีกฎว่า หากเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาพูดอะไรจะต้องปฏิบัติตาม หรือ ต้องเชื่อ เพราะอยู่ที่ดุลยพินิจ แต่น้ำหนักของความเป็นเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่า “ที่ปรึกษากฎหมายแห่งรัฐ” คงต้องทิ้งน้ำหนักไว้ตรงนั้นเยอะ
อย่างเวลาตนต้องการตัดสินใจอะไรในการประชุมครม. ถ้าจะต้องมีการตัดสินใจเกี่ยวข้องกับข้อกฎหมาย คำแรกที่ทุกคนจะถามคือกฤษฎีกาว่าอย่างไร ก่อนย้ำว่าก็มีน้ำหนัก กฎหมายเป็นกฎหมายฉบับเดียวกันทั้งหมด แต่การตีความอาจไม่เหมือนกัน จึงขึ้นอยู่กับว่า ใครจะให้น้ำหนักไปที่ตรงไหนมากกว่า แต่หากเป็นตนจะให้น้ำหนักกฤษฎีกา