วิโรจน์ ยัน ซักฟอกพุ่งเป้านายกฯ หวังเห็นภาวะผู้นำ ชี้ ต้องตรวจบัตรปชช. ว่าชื่อ ‘แพทองธาร’ จริงไหม จึงใช้สิทธิตอบได้ เย้ย อายุเท่านี้ ยังต้องให้พ่อมาช่วยตั้งวอร์รูมหรือ ลั่น อภิปราย ‘ทักษิณ’ แค่ทำให้เห็นภาพการเชื่อมโยง คงไม่ถาม ทำไมไม่กลับมาเลี้ยงหลาน
เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ที่รัฐสภา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 ซึ่งล็อกเป้าที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพียงคนเดียว จะสามารถอภิปรายเนื้อหาในการตรวจสอบกระทรวงกลาโหมได้แค่ไหน
โดยนายวิโรจน์กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้ารัฐบาลอยู่แล้ว ดังนั้น การอภิปรายไม่ไว้วางใจที่เฉพาะเจาะจงนายกฯคนเดียว ตนคิดว่าสื่อมวลชนและประชาชนจะสามารถโฟกัสกับการอภิปรายได้ง่าย ว่าบุคคลผู้นี้มีข้อบกพร่อง พฤติกรรม ความประพฤติอย่างไร ประชาชนคนไทยไม่สมควรให้คนแบบนี้มาเป็นประมุขฝ่ายบริหารประเทศนี้ มาคอยทำหน้าที่บริหารเงินภาษีให้กับประชาชนอีกต่อไปอย่างไร
สำหรับรัฐมนตรีก็อาจใช้สิทธิพาดพิงได้บ้าง แต่เมื่อเราโฟกัสไปที่นายกฯ คนที่จะอธิบายกับสภาได้มีเพียงคนเดียวคือนายกฯ ต้องตรวจบัตรประชาชนด้วยว่าใช่ชื่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรือไม่ ถ้าไม่ใช่ก็อภิปรายไม่ได้ เพราะเราไม่รู้ว่ามีชั้น 14 15 16 ใส่หูฟังให้พูดตามหรือไม่
ส่วนลูกสมุนที่ถูกพาดพิง หรือใช้การประท้วง ตนคิดว่าอย่าทำเลย มันเป็นการประจานตัวเองและองค์กรต่อหน้าประชาชนและสภาเปล่าๆ และหากมีการให้รัฐมนตรีตอบแทนก็ต้องถามว่าวุฒิภาวะของนายกฯเป็นอย่างไร
เมื่อถามถึงกระแสข่าว นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะมีการตั้งวอร์รูมตอบโต้ หากเกิดกรณีถูกพาดพิง นายวิโรจน์ระบุว่า เป็นเรื่องปกติ แต่การให้พ่อมาช่วยตั้งวอร์รูมเป็นเรื่องผิดปกติ อายุเท่านี้แล้วยังต้องให้พ่อมาช่วยตั้งวอร์รูม แต่ให้ท่านตอบดีกว่า ผมไม่อยากตอบแทนท่าน คงไม่จริง
สำหรับเนื้อหาญัตติที่มีการระบุถึงการที่นายทักษิณชักนำ น.ส.แพทองธารนั้น นายวิโรจน์ย้ำว่า หากเป็นไปตามญัตติก็ต้องพูด เป็นกลไกตามรัฐธรรมนูญเพื่อตรวจสอบรัฐบาล ยืนยันว่าต้องพูดได้ แต่พูดในกรอบว่ามีการชักใย รับรองว่าไม่มีการที่อยู่ดีๆ จะไปพูดถึงนายทักษิณเรื่องอื่น
ส่วนกรณีที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรมีการเตือนให้ระวังการถูกฟ้องร้องนั้น นายวิโรจน์มองว่า เป็นหน้าที่ของ ส.ส.อยู่แล้ว อะไรที่เป็นการปกป้องผลประโยชน์ต่อประเทศชาติและสาธารณะที่เป็นข้อเท็จจริง จะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย เบื้องต้นเชื่อว่าเป็นการพุ่งเป้าไปที่ น.ส.แพทองธารเป็นหลัก ส่วนการชักใยของนายทักษิณนั้นก็คงอภิปรายให้เห็นความเชื่อมโยง คงไม่ได้พูดว่า “ทำไมถึงไม่กลับมาเลี้ยงหลาน”
ส่วนหมัดเด็ดก็ต้องรอดู จะบอกก่อนได้อย่างไร ยืนยันว่าหมัดเด็ดเรามีหลายคน และเป็นประเด็นที่เราชี้ให้สังคมรู้ว่าคนคนนี้ไม่มีความเหมาะสม ไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเป็นนายกฯ ความประพฤติที่ผ่านมา พฤติกรรมที่กำลังทำอยู่ ล้วนเอาเปรียบสังคม ประชาชน ประเทศชาติ และไม่อาจทำให้ประเทศพัฒนาต่อไปได้ เรียกว่าลืมคำมั่นที่ให้ไว้ต่อรัฐสภาหมดสิ้นแล้ว
ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านอาจจะไม่ได้วันอภิปรายถึง 5 วันนั้น นายวิโรจน์ระบุว่า ก่อนหน้านี้พรรคเพื่อไทยเคยให้เหตุผลว่าควรได้เวลาในการอภิปรายมากเพียงพอ แต่พอมาเป็นรัฐบาลก็ลืมสิ่งที่ตัวเองเคยพูดไว้หมด ก็ไม่เป็นไร ในเมื่อเวลาน้อยก็สอยตัวหลักเลย ตนว่าจี๊ดกว่า พร้อมหันมาถามผู้สื่อข่าวว่า “คิดว่าชั้น 14 จี๊ดกว่าหรือไม่”
นายวิโรจน์ย้ำว่า สิ่งที่สำคัญกว่าคือ ทุกคนตั้งใจรับฟัง จับประเด็นไฮไลต์ และเทียบเคียงกับการชี้แจงของนายกรัฐมนตรีว่าตอบสมเหตุสมผลหรือไม่ ไม่ต้องไปสนใจลูกสมุน