พริษฐ์ โต้ วันนอร์ ให้ถอนชื่อ ทักษิณ พ้นญัตติซักฟอก ยกข้อบังคับชี้ทำเกินหน้าที่ประธาน
เมื่อวันที่ 7 มีนาคม จากกรณี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหนังสือด่วนที่สุดถึง นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เรื่อง ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล โดยความตอนหนึ่งว่า “การระบุรายชื่อบุคคลภายนอกในเนื้อหาญัตติอาจทำให้บุคคลภายนอกได้รับความเสียหาย เนื่องจากไม่สามารถชี้แจงในที่ประชุมสภาได้ จึงขอให้ท่านแก้ไขข้อบกพร่องดังกล่าว โดยนำรายชื่อบุคคลภายนอกออกจากเนื้อหาญัตติ ตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2562 ข้อ 176 จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาดำเนินการ” นั้น
- วันนอร์ ทำหนังสือด่วนที่สุด ถึงเท้ง ให้เอาชื่อทักษิณออก จากญัตติยื่นซักฟอกนายกฯ
- ฝ่ายค้านไม่ยอม จ่อยื่นหนังสือโต้แย้ง วันนอร์ มั่นใจมีชื่อทักษิณ ไม่ผิดเงื่อนไขรธน.
ล่าสุด นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน ได้ออกมาโพสต์ให้ความเห็นเกี่ยวกับปรเด็นดังกล่าวว่า “[ไม่มีความจำเป็นในเชิงกฎหมาย ที่ฝ่ายค้านจะต้องนำชื่อ ‘บุคคลภายนอก’ ออกจากเนื้อหาญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ]
เมื่อบ่ายวันนี้ ทางผมและพรรคได้รับแจ้งว่าทางประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ทำหนังสือด่วนถึงผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้นำชื่อ ‘บุคคลภายนอก’ (นายทักษิณ ชินวัตร) ออกจากเนื้อหาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ ก่อนที่ประธานสภาฯจะบรรจุญัตติดังกล่าวเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยอ้างถึงข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรข้อ 176
ผมไม่เห็นถึงเหตุผลว่าทำไมเรามีความจำเป็นต้องดำเนินการดังกล่าว
1.ในเชิงอำนาจหน้าที่ : ผมเห็นว่ารัฐธรรมนูญและข้อบังคับไม่ได้ให้อำนาจประธานสภาในการใช้ดุลพินิจมาตัดสินว่าเนื้อหาสาระของญัตติควรจะเป็นเช่นไร หรือมีความเหมาะสมหรือไม่
– รัฐธรรมนูญมาตรา 151 ระบุชัดเจนถึงสิทธิของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในการเข้าชื่อเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ โดยไม่มีส่วนไหนที่พูดถึงดุลพินิจของประธานสภาในการประเมินเนื้อหาของญัตติเพื่อตัดสินใจว่าจะบรรจุญัตติหรือไม่
– ข้อบังคับ ข้อ 176 ระบุเพียงแค่ให้ประธานสภาตรวจสอบว่าญัตติมี ‘ข้อบกพร่อง’ หรือไม่
– เมื่อพิจารณาจากข้อกฎหมายดังกล่าว ‘ข้อบกพร่อง’ ในที่นี้ ย่อมถูกเข้าใจได้ว่าหมายถึงในกรณีที่มีข้อผิดพลาดในเชิงรูปแบบ (เช่น มีรายชื่อผู้เสนอที่ไม่ครบตามเกณฑ์ที่ต้องการ ลายเซ็นของผู้เสนอไม่ตรงกับลายเซ็นในระบบ มีการอ้างถึงมาตราหรือข้อกฎหมายที่คลาดเคลื่อน)
2.ในเชิงขั้นตอน : แม้จะอ้างข้อบังคับข้อ 176 ในการแจ้งให้เราแก้ไขข้อความในญัตติ ก็ต้องบอกว่าการแจ้งของประธานสภาไม่ชอบด้วยข้อบังคับเพราะไม่เป็นไปตามกรอบเวลาที่ระบุไว้ในข้อบังคับข้อ 176
– ข้อบังคับ ข้อ 176 ระบุว่า ‘หาก[ญัตติ]มีข้อบกพร่อง ให้ประธานสภาแจ้งผู้เสนอทราบภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ได้รับญัตติ‘
– แต่สำหรับกรณี้ ทางประธานสภาได้รับญัตติวันที่ 27 ก.พ. (ตามที่สำนักงานฯ ลงวันรับ + ตามหลักฐานการยื่นหนังสือที่ถูกรายงานตามสื่อต่อสาธารณะ) ในขณะที่ได้ทางประธานสภาได้มีการแจ้งมาที่ผู้เสนอ (ผ่านรองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร) ในวันที่ 7 มี.ค. ซึ่งเลยกรอบ ‘ภายในเจ็ดวัน’ อย่างชัดเจน
3.ในเชิงเนื้อหาสาระ : การระบุชื่อบุคคลภายนอกในเนื้อหาของญัตติไม่ได้เป็นอะไรที่ผิดข้อบังคับ
– ไม่ว่าใครจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับเนื้อหาสาระของญัตติ แต่ปัจจุบันไม่มีข้อกฎหมายหรือข้อบังคับข้อไหนที่ระบุห้ามไม่ให้พูดถึงชื่อบุคคลภายนอกในเนื้อหาของญัตติ และญัตติในอดีตก็มีหลายครั้งที่มีการกล่าวถึงบุคคลภายนอก (เช่น เนื้อหาของญัตติที่เสนอโดย ส.ส. เพื่อไทย ในปี 2562 เกี่ยวกับการติดตามการทำงานของหน่วยงานภาครัฐต่อการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน ก็มีการกล่าวถึงบุคคลภายนอกอย่างชัดเจน)
– ข้อบังคับมีการพูดถึงบุคคลภายนอกในข้อ 69 ในบริบทของการอภิปราย ซึ่งก็ไม่ได้เป็นการห้ามการอภิปรายบุคคลภายนอกโดยสิ้นเชิง แต่เป็นเพียงการห้ามไม่ให้กล่าวถึงบุคคลใด ‘โดยไม่จำเป็น’
– ท้ายสุดแล้ว หากเนื้อหาของญัตติและการอภิปรายมีการกล่าวถึงบุคคลภายนอกจนเกิดความเสียหาย ผู้เสนอญัตติและผู้อภิปรายจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อการกระทำดังกล่าวเอง
ดังนั้น
– ในมุมกฎหมาย ผมไม่เห็นถึงเหตุผลว่าทำไมเราจำเป็นนำชื่อ ‘บุคคลภายนอก’ ออกจากเนื้อหาญัตติ
– ในมุมการเมือง ผมเห็นว่าเป็นดุลพินิจของพี่น้องประชาชนที่จะเป็นผู้ตัดสินเอง ว่าการระบุถึง ‘บุคคลภายนอก’ มีความเหมาะสมและจำเป็นต่อการวิเคราะห์และวิจารณ์การบริหารราชการแผ่นดินของ นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร หรือไม่ โดยเฉพาะในเมื่อบุคคลดังกล่าวก็ประกาศเองหลายครั้งว่าต้องการ ‘สทร.’ เกี่ยวกับการบริหารประเทศของรัฐบาลชุดนี้