พปชร. ดักคอ รบ. แจกเงินหมื่นเด็ก 16-20 หวังได้เสียงเลือกตั้งหรือไม่ แนะนำเงินช่วยชาวนา
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 11 มีนาคม ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค และคณะทำงานนโยบายและยุทธศาสตร์พรรค ที่มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค เป็นประธานในที่ประชุมว่า ที่ประชุมพิจารณาถึงการแก้ไขปัญหาราคาข้าวตกต่ำ ที่ขณะนี้รัฐบาลมีแนวทางที่ค่อนข้างแปลก เรียกว่าเป็นการผลักไสหรือแนะนำให้ชาวนาไปปลูกกล้วยแทน จึงต้องขออนุญาตนำกล้วยมาแจกให้กับสื่อมวลชน
“พล.อ.ประวิตร ห่วงใยความเดือดร้อนของชาวนาทั่วประเทศ และพรรคพปชร.เห็นว่า รัฐบาลควรศึกษาปัญหาเชิงลึกให้ถ่องแท้และชัดเจนกว่านี้ และควรมีแผนแก้ปัญหาในระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาวโดยเฉพาะการพัฒนาพันธุ์พืช การส่งเสริมพัฒนาศักยภาพให้กับชาวนาเพื่อสามารถแข่งขันในระดับโลกได้”
พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า ส่วนที่รัฐบาลจะการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 3 งบประมาณ 27,000 ล้านบาท ให้กับประชาชน ที่มีอายุ 16-20 ปี เห็นว่าควรนำเงินส่วนนี้ไปช่วยเหลือเยียวยา บรรเทาความเดือนร้อนให้กับชาวนาน่าจะดีกว่า เหมือนสมัยที่พรรคพปชร.เป็นแกนนำ ที่ให้เงินช่วยเหลือเกษตรกรชาวนาไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกินรายละ 20 ไร่ ถึงจะเพียงพอที่จะบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้นของชาวนาได้ในระดับหนึ่ง
ด้าน นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ประธานศูนย์นโยบายและวิชาการ แถลงเรื่องการแจกเงินหมื่นเฟส 3 ว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ครั้งที่ 1/2568 ที่มี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีมติเห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจเฟส 3 ผ่านการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท สำหรับประชาชนกลุ่มอายุ 16-20 ปี จำนวน 2.7 ล้านคน เห็นว่าควรมีการพิจารณาทบทวน เพราะตัวเลขจีดีพีแสดงชัดเจนแล้วว่า การแจกเงินลักษณะนี้ไม่ได้ผลในการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างแท้จริง ไม่ได้เกิดพายุหมุน 4 ลูก ตามที่โฆษณา และรัฐบาล ยังเมินคำเตือนจากธนาคารโลก และกองทุนการเงินระหว่างประเทศที่แนะนำให้ใช้กระสุนด้านการคลังพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน แทน ส่วนการกู้หนี้สาธารณะเอามาแจกเช่นนี้ เพราะไม่ได้ช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศ
นายธีระชัย กล่าวว่า การแจกเงินคนอายุ 16-20 ปี ที่ส่วนใหญ่ยังไม่ได้เริ่มทำงาน ยังไม่ได้ช่วยจ่ายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เข้ามาเพื่อใช้บริหารประเทศชาติ แต่ยังต้องอาศัยการสนับสนุนจากสังคมเป็นรายวันด้วยซ้ำ จึงไม่มีเหตุผลที่จะเอาเงินภาษีของคนทั้งประเทศไปใช้แบบนี้ และเห็นว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งควรพิจารณาว่ามีเจตนาจะซื้อความนิยมของคนหนุ่มสาว ที่จะมีสิทธิเลือกตั้งในอีก 2 ปีข้างหน้าไว้ล่วงหรือไม่
นายธีระชัย กล่าวว่า ส่วนวัตถุประสงค์ที่จะให้สำหรับซื้ออุปกรณ์การศึกษาที่จำเป็นนั้น ควรใช้มาตรการอุดหนุนตรงไปที่โรงเรียน เพราะไม่เห็นว่ารัฐบาลมีกลไกใดที่จะทำให้แน่ใจได้ว่าผู้รับเงินนำไปใช้จ่ายเช่นนี้ แทนที่จะไปเล่นเกม หรือพนันออนไลน์ ส่วนที่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง แถลงว่าจะตัดรายการสินค้าต้องห้ามออกทั้งหมด เป็นการยอมรับสภาพว่าในเมื่อรัฐบาลแจกเป็นเงินสดไม่ใช่เงินดิจิทัล ไม่สามารถควบคุมการซื้อสินค้านำเข้า ทำให้การกระตุ้นเศรษฐกิจไปเกิดนอกประเทศและเสียงบประมาณทิ้งเปล่า และรัฐบาลมีปัญหาจากการที่ไปชักจูงให้คนมาลงทะเบียนไว้ มากกว่า 16 ล้านคน จึงต้องชี้แจงให้ชัดเจนว่าจะแจกเป็นเงินดิจิทัลได้จริงหรือไม่ เนื่องจากกระทรวงการคลัง ยังไม่ได้แถลงข่าวว่ามีการหารือกับแบงค์ชาติ เรื่องการออกเงินดิจิทัลตามกฎหมายเงินตรา หรือการเชื่อมโยงระบบโอนเงินดิจิทัลเข้ากับระบบโอนเงินระหว่างธนาคารพาณิชย์ตามกฎหมายแบงค์ชาติ หรือไม่ ทั้งนี้ประชาชนตั้งความหวังว่า รัฐบาลที่มีชื่อเสียงด้านบริหารเศรษฐกิจ น่าจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ แต่ยังไม่เห็นผลงาน และอนาคตที่เศรษฐกิจโลกจะชะลอลงจากมาตรการกำแพงภาษีของสหรัฐฯ รัฐบาลนี้ก็ไม่ได้ชี้นำว่าประชาชนต้องเตรียมตั้งรับอย่างไร