‘นายกฯแพทองธาร’ ต้อนรับนายกฯเนปาล ในโอกาสเยือนไทยอย่างเป็นทางการ
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 2 เมษายน ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้การต้อนรับ นายเค พี ศรรมะ โอลี นายกรัฐมนตรีเนปาลและภริยา ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล โดยนำตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
จากนั้น น.ส.แพทองธาร และคู่สมรส เชิญนายกฯเนปาลและภริยา ถ่ายภาพร่วมกัน ที่บันไดโถงกลาง ตึกไทยคู่ฟ้า ก่อนที่นายกฯเนปาลและภริยา จะลงนามในสมุดเยี่ยมและชมของที่ระลึก ที่ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า และหารือข้อราชการเต็มคณะ เมื่อจบการหารือ นายกฯทั้งสองประเทศ เป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างประเทศไทยและเนปาล และแถลงข่าวร่วม ที่ตึกสันติไมตรี
นายกฯและคู่สมรส นำและนายกรัฐมนตรีเนปาลและภริยา เยี่ยมชมการจัดแสดงผลิตภัณฑ์หัตถกรรมและหัตถศิลป์ของไทย บริเวณโถงกลาง ตึกสันติไมตรี และเป็นเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีเนปาลและภริยา
ต่อมา เมื่อเวลา 11.40 น. น.ส.แพทองธาร กล่าวว่ารัฐมนตรี เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับนายกรัฐมนตรีเนปาลสู่ประเทศไทย ถือเป็นการเยือนอย่างเป็นทางการครั้งประวัติศาสตร์ เนื่องจากเป็นการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการครั้งแรกของนายกรัฐมนตรีเนปาล นับตั้งแต่การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อกว่า 6 ทศวรรษที่ผ่านมา โดยปีนี้นับเป็นโอกาสครบรอบ 66 ปีแห่งความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและเนปาล ที่มีสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น โดยเฉพาะด้านจิตวิญญาณและวัฒนธรรม ซึ่งมีชาวไทยหลายพันคนเดินทางไปยังลุมพินี สถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้าเป็นประจำทุกปี พร้อมชื่นชมความสำเร็จของรัฐบาลเนปาลในการเลื่อนสถานะไปสู่ประเทศกำลังพัฒนาภายในปี 2026 และขอให้เนปาลสามารถเปลี่ยนผ่านได้อย่างราบรื่น พร้อมชื่นชมศักยภาพทางเศรษฐกิจของเนปาล รวมถึงความสำเร็จด้านการพัฒนาที่น่าประทับใจ โดยเฉพาะด้านพลังงานน้ำ ซึ่งในวันนี้ทั้งสองฝ่ายจะลงนามในข้อตกลงและบันทึกความเข้าใจ (MoUs) จำนวน 8 ฉบับ ซึ่งถือเป็นสัญญาณบวกต่อความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมยิ่งขึ้นในอนาคต
ด้านนายกฯเนปาล กล่าวว่า ขอบคุณนายกฯที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น และแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในไทย ในนามของรัฐบาลและประชาชนชาวเนปาล ขอยืนหยัดเคียงข้างประเทศไทยในช่วงเวลาอันยากลำบากนี้ ขณะเดียวกัน จะสานต่อความร่วมมือกับไทยในทุกด้าน ตั้งแต่ระดับทวิภาคีไปจนถึงระดับภูมิภาค และขอบคุณรัฐบาลไทยสำหรับความร่วมมือที่เข้มแข็งระหว่างสองประเทศ โดยพร้อมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกับไทยในด้านที่มีศักยภาพร่วมกัน ด้านทรัพยากรมนุษย์และเทคโนโลยี และชื่นชมความเป็นผู้นำของนายกฯไทย ในการพัฒนาความร่วมมือระดับภูมิภาค ทั้งนี้เนปาลให้ความสำคัญกับการประชุม BIMSTEC และพร้อมทำงานร่วมกับประเทศสมาชิกเพื่อบรรลุเป้าหมายแห่งความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน และขอเรียนเชิญนายกรัฐมนตรีเยือนเนปาลอย่างเป็นทางการในเวลาที่เหมาะสม
สำหรับผลการหารือเต็มคณะ ไทยและเนปาลพร้อมสนับสนุนให้มีการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงอย่างสม่ำเสมอเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ โดยมีกลไกความร่วมมือที่สำคัญคือ การประชุมคณะกรรมการร่วม (Joint Commission Meeting) ที่เป็นเวทีสำคัญในการหารือและขับเคลื่อนความร่วมมือในด้านต่างๆเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น นอกจากนั้นเห็นพ้องเรื่องการอำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุน ที่จะเพิ่มปริมาณการค้าการลงทุน ในด้านการเกษตร การแปรรูปสมุนไพร บริการทางการแพทย์ และการท่องเที่ยว ซึ่งบริษัทไทยหลายแห่ง แสดงความสนใจขยายธุรกิจในเนปาล รวมถึงบริษัทไทยบางส่วน ได้ก่อตั้งธุรกิจในเนปาลแล้ว ขณะที่นายกฯเนปาลเห็นถึงศักยภาพของภาคเอกชนไทยในเนปาล ที่จะช่วยพัฒนาเศรษฐกิจและการจ้างงาน โดยเนปาลพร้อมอำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจและลดอุปสรรคทางการค้าเพื่อดึงดูดธุรกิจไทยและนักลงทุนไทยอย่างต่อเนื่อง
สำหรับการเกษตรและเทคโนโลยีการเกษตร ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะร่วมมือกันเสริมสร้างความเข้มแข็งในด้านนี้ โดยเนปาลมีสมุนไพรคุณภาพสูงที่ใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับผลิตภัณฑ์หลายชนิด ขณะที่ไทยมีความเชี่ยวชาญด้านการแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร จึงพร้อมแบ่งปันความรู้และถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับเนปาล และปัจจุบันสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยกาฐมาณฑุ เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรและการแปรรูปการเกษตร
ส่วนการท่องเที่ยว ไทยยินดีที่เนปาล สามารถต้อนรับนักท่องเที่ยวได้ถึง 1 ล้านคนในปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางไปเนปาลอย่างต่อเนื่องและมีบทบาทสำคัญในเส้นทางแสวงบุญทางพระพุทธศาสนา จึงควรพัฒนาความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวเชิงพุทธศาสนาที่มีศักยภาพสูง ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า ไทยมีศักยภาพด้านการให้บริการทางการแพทย์ มีคุณภาพระดับสากล และพร้อมเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ที่สำคัญของภูมิภาค โดยนายกรัฐมนตรีเนปาลกล่าวว่า เนปาลพร้อมแลกเปลี่ยนประสบการณ์และองค์ความรู้ทางการแพทย์ร่วมกันไทย รวมไปถึงความร่วมมือด้านธุรกิจการท่องเที่ยว ซึ่งมีความก้าวหน้า โดยปัจจุบันผู้ประกอบการโรงแรมของไทยได้ขยายธุรกิจโรงแรมในเนปาล ซึ่งช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของเนปาล
ความร่วมมือเพื่อการพัฒนา นายกรัฐมนตรียินดีที่นักศึกษาเนปาลมาเรียนที่ไทยจำนวนมาก โดยเน้นย้ำว่าไทยให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และไทยพร้อมมอบทุนการศึกษาสำหรับหลักสูตรฝึกอบรมระยะสั้นและปริญญามหาวิทยาลัยให้กับชาวเนปาลในสาขาต่าง ๆ ที่ไทยมีความเชี่ยวชาญ เช่น การโรงแรม การเกษตร และสาธารณสุข ขณะที่นายกรัฐมนตรีเนปาลเห็นพ้อง และเน้นย้ำว่าเนปาลต้องการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้กับไทยเพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยขณะนี้เนปาลมีมหาวิทยาลัยที่จัดหลักสูตรฝึกอบรมเกี่ยวกับสาธารณสุข เกษตรกรรม สังคม สิ่งแวดล้อม และด้านอายุรเวท ซึ่งไทยและเนปาลจะสามารถร่วมมือและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างกันได้ โดยนายกรัฐมนตรีได้ยืนยันความพร้อมในการสนับสนุนการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาควิชาการ และภาคเอกชนของทั้งสองประเทศ
ความร่วมมือระดับพหุภาคีและภูมิภาค ทั้งสองฝ่ายพร้อมทำงานร่วมกันในเวทีระดับภูมิภาคและพหุภาคี โดยยึดมั่นในหลักการสันติภาพและมิตรภาพกับทุกประเทศ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือในระดับโลก ในโอกาสนี้ นายกฯเน้นย้ำความมุ่งมั่นในการผลักดันความร่วมมือในเวทีพหุภาคีและภูมิภาคกับเนปาล โดยเฉพาะการประชุม BIMSTEC ครั้งที่ 6 ซึ่งจะรับรองวิสัยทัศน์กรุงเทพ (BIMSTEC Bangkok Vision 2030) รวมถึงพร้อมผลักดันความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านการขนส่งทางทะเลที่จะเพิ่มการเชื่อมโยงและโอกาสทางเศรษฐกิจในอ่าวเบงกอล นอกจากนี้ ไทยพร้อมร่วมมือกับเนปาลแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี สอดคล้องกับนายกรัฐมนตรีเนปาล ซึ่งเผยว่า เนปาลกำลังจะเป็นเจ้าภาพจัดงานระดับโลก “Sagamatha Sambaad” ซึ่งเป็นการเสวนาด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศภายในเดือนพ.ค.นี้
ต่อมาเวลา 11.50 น.ภายหลังจากหารือข้อราชการเต็มคณะ ผู้นำสองประเทศ ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามและการแลกเปลี่ยนความตกลงร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน จำนวน 8 ฉบับ ดังนี้
1.บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวไทย-เนปาล
2.ความตกลงทางวัฒนธรรม ไทย-เนปาล
3.บันทึกความเข้าใจระหว่างสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและสภาหอการค้าเนปาล (Nepal Chamber of Commerce)
4.บันทึกความเข้าใจระหว่างคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กับสถาบัน Nepal Netra Jyoti Sangh (NNJS) 5.บันทึกความเข้าใจระหว่างมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์กับบริษัท Jantra Agro and Forestry
6.บันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยสยามกับมหาวิทยาลัยกาฐมาณฑุ
7.บันทึกความเข้าใจระหว่างสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยกับสหพันธ์หอการค้าและ อุตสาหกรรมแห่งเนปาล (Federation of Nepalese Chambers of Commerce & Industry: FNCCI)
8.บันทึกความเข้าใจระหว่างสภาอุตสาหกรรมและสภาอุตสาหกรรมแห่งเนปาล (Confederation of Nepali Industries: CNI)
น.ส.แพทองธาร และนายกฯเนปาล แถลงข่าวร่วมกันโดยนายกฯ กล่าวว่า รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติที่ได้ต้อนรับผู้นำเนปาลและคณะเยือนไทยอย่างเป็นทางการครั้งนี้ ซึ่งเป็นการเยือนครั้งแรกในรอบ 66 ปี ไทยและเนปาล มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นมายาวนาน มีรากฐานทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมร่วมกัน การเยือนครั้งนี้จะช่วยกระชับความร่วมมือให้แน่นแฟ้น และเปิดโอกาสใหม่ สำหรับความร่วมมือในอนาคต การหารือในด้านพลังงาน ไทยชื่นชมเนปาลที่บริหารจัดการทรัพยากรน้ำที่อุดมสมบูรณ์ การพัฒนาโครงการพลังงานน้ำ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่าควรส่งเสริมความร่วมมือด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงเสริมสร้างความสะดวกในการดำเนินธุรกิจ ลดอุปสรรคทางการค้า และพัฒนาข้อได้เปรียบทางเศรษฐกิจ เพื่อผลักดันมูลค่าการค้าระหว่างกันให้เพิ่มขึ้นจาก 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปัจจุบัน และไทยสนับสนุนให้ภาคเอกชนขยายการลงทุนในตลาดเนปาลมากขึ้น
ด้านการเชื่อมโยง ทั้งสองฝ่ายเห็นถึงความสำคัญของการขยายเส้นทางคมนาคมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว สนับสนุนการขยายเส้นทางการบินเชื่อมต่อกรุงเทพฯ – กาฐมาณฑุ พร้อมทั้งหารือเกี่ยวกับความเป็นไปได้เปิดเที่ยวบินตรงสู่ลุมพินี ส่วนด้านการท่องเที่ยวและวัฒนธรรม ไทยและเนปาลเห็นพ้องส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกับประชาชน การแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรม และสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงศาสนาและการแพทย์ นอกจากนี้ภาคเอกชนไทย โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรม โรงพยาบาล และสายการบิน ต่างมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของเนปาล
น.ส.แพทองธารกล่าวว่า การร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความร่วมมือสำคัญจำนวน 8 ฉบับ จะเสริมสร้างความร่วมมือ และความสัมพันธ์ทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และขอบคุณเนปาล ที่สนับสนุนไทยในฐานะประธาน BIMSTEC และยืนยันความมุ่งมั่นในการทำงานร่วมกับ BIMSTEC อย่างใกล้ชิด เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับกรอบการประชุม และผลักดัน BIMSTEC ให้เป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือระดับภูมิภาค
ทั้งนี้ ไทยมีความตั้งใจในการเสริมสร้างความร่วมมือกับเนปาลทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี เคารพซึ่งกันและกัน พร้อมมุ่งสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อความมั่งคั่งและความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนทั้งสองประเทศ การมาเยือนไทยอย่างเป็นทางการครั้งนี้สะท้อนถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและความตั้งใจของไทย-เนปาล ในการเดินหน้าความร่วมมือในทุกมิติ เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันในระยะยาว
จากนั้นนายกฯและคู่สมรส นำและนายกฯเนปาลและภริยา เยี่ยมชมการจัดแสดงผลิตภัณฑ์หัตถกรรมและหัตถศิลป์ของไทย บริเวณโถงกลาง ตึกสันติไมตรี และเป็น เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกฯเนปาลและภริยา