พปชร. ซัดรบ.ไม่เตรียมพร้อม รับกำแพงภาษีทรัมป์ เก็บไทยเพิ่ม 46% แนะตั้งทีมเจรจาด่วน

พปชร. ห่วง ธุรกิจอสังหาฯ ขาดสภาพคล่อง หลังเกิดแผ่นดินไหว จี้รัฐออกมาตรการรองรับ ฟาด รัฐบาลไม่เตรียมพร้อมรับกำแพงภาษีสหรัฐฯ แนะไทยตั้งทีมเจรจา หลัง ‘ทรัมป์’ เก็บภาษีไทยเพิ่ม 46%

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 3 เมษายน ที่รัฐสภา นายฉกาจ พัฒนกิจวิบูลย์ ส.ส.จังหวัดพังงา ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วย นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ประธานกรรมการด้านวิชาการพรรคพลังประชารัฐ และ ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ร่วมกันแสดงจุดยืนพรรคพลังประชารัฐไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลเร่งรีบบรรจุวาระร่าง พ.ร.บ. เอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ซึ่งพรรคพลังประชารัฐคัดค้านมาโดยตลอด

รวมถึงแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนแสดงความห่วงใยต่อผลกระทบที่ตามมา ขณะที่ประเทศไทยมีสถานการณ์แผ่นดินไหว ซึ่ง พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ มีความห่วงใยกับสถานการณ์ประเทศที่พายุกำลังตั้งเค้าอีกหลายลูก แต่รัฐบาลยังไม่ได้เตรียมพร้อมรองรับโดยเฉพาะล่าสุด ที่ปัญหาแผ่นดินไหวกระทบเศรษฐกิจมากกว่าที่ควรจะเป็น

โดย ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าวว่า สถานการณ์แผ่นดินไหวส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์เศรษฐกิจมากกว่าที่ควรจะเป็น กระทบความเชื่อมั่นผู้บริโภค โดยเฉพาะผู้จะซื้ออสังหาริมทรัพย์ และกระทบกับมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ ที่เป็นคอนโดฯ ซึ่งเป็นหลักประกันสินเชื่อที่จะทำให้ลดมูลค่า ตราบใดที่รัฐบาลยังสร้างความเชื่อมั่นมาตรฐานความปลอดภัย และการป้องกันบรรเทาสาธารณภัยไม่ได้ รวมถึงสร้างระบบเตือนภัยที่ครอบคลุมทั้งคนไทยและต่างชาติที่เป็นนักท่องเที่ยวไม่ได้ ย่อมกระทบความท่องเที่ยวของไทย พร้อมยกตัวอย่างประเทศญี่ปุ่น ที่มีระบบแจ้งเตือนเจอเลิร์ท ซึ่งไม่ว่าจะใช้ซิมการ์ดของไทยหรือต่างชาติก็จะได้รับแจ้งเตือนพร้อมกันทุกคนในวินาทีนั้นก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ขึ้น ขณะที่ประเทศไทยส่งเอสเอ็มเอส 1 ชั่วโมง ได้ไม่ถึง 2 แสนเบอร์ ต้องแจ้งเตือนกี่ชั่วโมงจึงจะแจ้งได้ครบ เรื่องนี้รัฐบาลมีการตั้งงบประมาณไปแล้วตั้งปี 2566 จำนวน 1,700 ล้านบาท

ADVERTISMENT

ม.ล. กรกสิวัฒน์ กล่าวอีกว่า นอกจากระบบไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้คนไทย วันนี้ยังมีความตื่นตระหนกบางตึกยังคงสั่นไหว หากไม่สร้างความเชื่อมั่นกระทบการท่องเที่ยวแน่นอน ขณะเดียวกันกระทรวงการคลังต้องเฝ้าระวังเรื่องความเสี่ยงของหุ้นกู้บริษัทก่อสร้าง และบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ที่อาจประสบปัญหาการเงินติดขัดได้ กระทรวงการคลังต้องเตรียมมาตรการรองรับ เพราะกระทบเป็นลูกโซ่ตั้งแต่แผ่นดินไหวจนถึงการเงิน

ด้าน นายธีระชัย กล่าวว่า นอกจากปัญหาแผ่นดินไหวยังมีปัญหาตามมาในอนาคตที่รัฐบาลยังไม่มีการเตรียมรับมือ คือ สถานการณ์สงครามยูเครน ที่แม้สหรัฐฯ จะมีท่าทีเบาลง แต่ประเทศในยุโรปจะส่งทหารเข้าไปในยูเครน ซึ่งจะทหารขัดแย้งกับรัสเซียโดยตรง และสหรัฐฯ แสดงท่าทีเข้าไปป้องปรามอิหร่านในเรื่องนิวเคลียร์ซึ่งจะทำให้เกิดการปะทะกันในตะวันออกกลางจะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมัน

ADVERTISMENT

ล่าสุด สหรัฐฯ ตั้งกำแพงภาษีตอบโต้ ทำให้เสียเปรียบคิดภาษีนำเข้าจากไทย 72 % ซึ่งไม่ถูกต้อง แต่สหรัฐฯ อ้างว่าไทยมีกำแพงภาษีสหรัฐ 72 % สหรัฐฯ คิดครึ่งหนึ่ง คือ 36 % บวกกับภาษีนำเข้า 10 % หากไม่มีการแก้ไขไทยจะต้องเสียภาษี 46 % เป็นเรื่องใหญ่ จึงขอเตือนรัฐบาลให้เตรียมพร้อมซึ่งยังไม่มีความคืบหน้ามีเพียงกระทรวงพาณิชย์ที่มีการประชุมรับมือเมื่อวานนี้ คือ จะเพิ่มการนำเข้าและลดภาษีจากการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ซึ่งไม่ง่าย เพราะสินค้าบางตัวที่นำเข้าไม่ใช่สินค้าที่เราบริโภคเป็นประจำ สิ่งที่รัฐบาลไทยต้องทำคือจัดทีมเจรจากับสหรัฐฯ และบริหารค่าเงินบาทให้เสร็จภายใน 1 เดือน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image