ไผ่ ลิกค์ วอนฝ่ายเห็นต่าง กม.เอนเตอร์เทนเมนต์ฯ อย่าเพิ่งกดดัน เชื่อถกหาวิธีบังคับใช้ร่วมกันได้
เมื่อวันที่ 6 เมษายน นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร พรรคกล้าธรรม (กธ.) ในฐานะอดีตรองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ กล่าวถึงร่าง พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ.. ที่จะมีการพิจาาณาในวันที่ 9 เมษายนว่า แนวคิดดังกล่าวถูกนำมาพิจารณากันตั้งแต่รัฐบาลชุดที่แล้ว เพราะต้องยอมรับว่า ประเทศไทยเรามีบ่อนการพนันผิดกฎหมายอยู่ทั่วไปหมด ซึ่งมีทางเลือกในการแก้ไขปัญหาอยู่ 2 ทางคือ 1.เอาของที่อยู่ใต้ดินขึ้นมาอยู่บนดิน 2.เดินหน้าปราบปรามอย่างเข้มงวด ซึ่งในคณะกรรมาธิการตอนนั้นทุกคนมองว่า การพนันใต้ดินเราไม่เคยปราบปรามได้ ดังนั้น เราจึงควรที่จะนำสิ่งที่ผิดกฎหมายขึ้นมาทำให้ถูกต้อง
นายไผ่ กล่าวต่อว่า กาสิโน จะเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของสถานบันเทิงครบวงจรเท่านั้น ไม่ใช่ว่าเราจะไปเน้นเปิดบ่อนตามที่พูดกัน ถ้าถามว่ามีแล้วได้อะไร หรือถ้าไม่มีแล้วได้อะไร ตนมองว่า วันนี้ต้องยอมรับว่า ถึงเราไม่มี คนไทยก็ออกไปเล่นการพนันในประเทศเพื่อนบ้านอยู่ดี อย่าไปมองว่า เมื่อเปิดกาสิโนแล้วทุกคนจะต้องแห่กันไปเล่น ตนว่า ไม่ถึงขนาดนั้น ก่อนหน้านี้ในสมัยที่ตนเคยสังกัดพรรคเพื่อไทยจะมีอยู่โครงการหนึ่ง ซึ่งตนชอบมาก แต่ในวันนี้ผิดกฎหมายไปแล้วก็คือ หวยบนดิน ตอนนั้นหวยใต้ดินหมดไปทันที เพราะไม่มีใครไปเล่น เรื่องนี้ก็เช่นกัน สิ่งที่ผิดกฎหมาย เราก็นำมาทำให้ถูกต้อง ปัญหาความรุนแรงจากพวกมาเฟีย ผู้มีอำนาจทั้งหลายจะได้หมดไป
นายไผ่ กล่าวว่า เชื่อว่า ส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎรทุกคนไม่มีใครอยากจะให้เปิดบ่อนมามอมเมาคนไทย แต่ทุกคนพูดว่า อยากให้นักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวของประเทศ ตนไม่ได้ว่าคนต่อต้าน หรือคนที่เห็นด้วย ทุกคนมีสิทธิกังวลใจ ดังนั้น สิ่งสำคัญคือ เราต้องทำกฎหมายให้ชัดเจนและครอบคลุมก่อนที่จะมีการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร ไม่ใช่เปิดก่อน แล้วค่อยมาออกกฏหมาย ขอวิงวอนทุกภาคส่วนที่วันนี้ยังมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน อย่าเพิ่งกดดันกัน ขอให้เรื่องนี้ถูกพิจารณาในที่ประชุมสภาฯก่อน เพราะเรายังมีเวลาพูดคุยกันอีกมาก ทั้งฝ่ายเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย เรายังสามารถมาร่วมกันออกรูปแบบ กฎเกณฑ์ต่างๆ และกฎหมายที่จะต้องมีการออกมาบังคับใช้เมื่อมีการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร
นายไผ่ กล่าวทิ้งท้ายว่า ส่วนเรื่องสถานที่ตั้งนั้น ตนมองว่าอยากให้เกิดในจังหวัดเมืองรองมากกว่า เพื่อความเจริญจะได้ขยายวงกว้างไปบ้าง