ผู้นำฝ่ายค้าน เยือนอุซเบฯ ขอบคุณทุกฝ่ายช่วย 5 แรงงานไทย ห่วงสถานการณ์ ‘อิสราเอล-ปาเลสไตน์’

‘ผู้นำฝ่ายค้าน’ เยือนอุซเบกิสถาน ขอบคุณทุกฝ่ายช่วยเหลือ 5 แรงงานไทย หลังได้รับการปล่อยตัวอย่างปลอดภัย พร้อมห่วงใยสถานการณ์ ‘อิสราเอล-ปาเลสไตน์’ หวังสร้างสันติภาพร่วมกันระยะยาว

เมื่อวันที่ 6 เมษายน นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้แทนรัฐสภาไทย เพื่อร่วมประชุมคณะกรรมาธิการสามัญสันติภาพรัฐสภาว่าด้วยสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ ณ กรุงทาชเคนต์ ประเทศอุซเบกิสถาน โดยในการประชุมมีประเด็นสำคัญ เรื่องบทบาทของรัฐสภาในการส่งเสริมทางออกแบบสองรัฐในปาเลสไตน์

นายณัฐพงษ์กล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุมคณะกรรมาธิการว่า ประเทศไทยได้ธำรงความสัมพันธ์อันดีต่อทั้งอิสราเอลและปาเลสไตน์มาโดยตลอด พร้อมกับดำรงจุดยืนเป็นกลางในความขัดแย้งดังกล่าว ทั้งนี้ ประเทศไทยสนับสนุนอย่างแข็งขันต่อความพยายามของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการผลักดันทางออกแบบสองรัฐ (Two-State Solution) ซึ่งมุ่งให้รัฐอิสราเอลและรัฐปาเลสไตน์สามารถดำรงอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติและมั่นคง ภายใต้พรมแดนที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล และสอดคล้องกับกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ตลอดจนมติที่เกี่ยวข้องของสหประชาชาติ

ADVERTISMENT

นายณัฐพงษ์กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม การปะทุของความรุนแรงระลอกใหม่ระหว่างอิสราเอลและฮามาสได้สร้างความวิตกกังวลอย่างยิ่งต่อประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบโดยตรงต่อแรงงานไทยในอิสราเอล ซึ่งตกอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งนั้น จนนำไปสู่การเสียชีวิตอย่างน่าเศร้าของแรงงานไทย จำนวน 39 ราย การถูกลักพาตัวของอีก 32 ราย และในปัจจุบันยังมีแรงงานไทย 1 รายที่ยังคงถูกควบคุมตัวไว้

นายณัฐพงษ์กล่าวต่อว่า ประเทศไทยขอแสดงความขอบคุณต่อทุกฝ่ายที่มีส่วนในการช่วยเหลือให้แรงงานไทย จำนวน 5 ราย ที่ได้รับการปล่อยตัวอย่างปลอดภัย ในส่วนของร่างมติที่เสนอโดยคณะกรรมาธิการประจำด้านสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ ประเทศไทยมีความเชื่อมั่นว่าการเจรจาอย่างสันติคือกุญแจสำคัญในการยุติข้อพิพาท เป้าหมายเร่งด่วนของเราคือการลดความตึงเครียดโดยเร็ว และฟื้นฟูสถานการณ์ให้กลับคืนสู่ภาวะปกติ ขณะเดียวกัน ประเทศไทยก็มีความมุ่งหวังที่จะเห็นสันติภาพ ความมั่นคง และประชาธิปไตยที่ยั่งยืนเกิดขึ้นในภูมิภาคนี้

ADVERTISMENT

นายณัฐพงษ์กล่าวด้วยว่า ประเทศไทยขอย้ำจุดยืนในเรื่องการคุ้มครองบุคลากรของสหประชาชาติ กำลังรักษาสันติภาพ และเจ้าหน้าที่ด้านมนุษยธรรมให้ปลอดภัยจากอันตรายตลอดระยะเวลาของการปฏิบัติหน้าที่ อย่างไรก็ตาม การดำเนินการตามร่างมติดังกล่าวจำเป็นต้องอาศัยบทบาทของรัฐสภา และการมีส่วนร่วมอย่างเป็นเอกภาพของประชาคมระหว่างประเทศ แต่ประสิทธิผลของมติอาจถูกจำกัด หากปราศจากกระบวนการประชาธิปไตยที่แท้จริง ดังนั้น ประเทศไทยขอเน้นย้ำถึงความจำเป็นขั้นพื้นฐานของการส่งเสริมประชาธิปไตยอย่างแท้จริง เพื่อวางรากฐานแห่งการฟื้นฟูหลังความขัดแย้ง การพัฒนา และการสร้างสันติภาพในระยะยาว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image