อันวาร์ สายตรง อิ๊งค์ ร่วมรับมือภาษีมะกัน ‘รมต.อาเซียน’ ถกผนึกกำลัง ‘มัสก์’ ซัดเดือดกุนซือทรัมป์โง่ จีนแลกหมัด-รีดสหรัฐ118%
เมื่อวันที่ 9 เมษายน นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ย้ำถึงการเตรียมความพร้อมรับมือต่อมาตรการกำแพงภาษีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ว่า กระทรวงการต่างประเทศมีบทบาทในกระบวนการเจรจาตั้งแต่ต้น ก่อนที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะประกาศมาตรการทางภาษี เนื่องจากมาตรการดังกล่าวได้ส่งผลกระทบไปทั่วโลก ดังนั้น จึงให้คำยืนยันได้ว่ารัฐบาลและน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก
“กระทรวงการต่างประเทศและทุกหน่วยงานของไทยล้วนมีบทบาทสำคัญ และต้องร่วมมือกันเพื่อรับมือกับสถานการณ์นี้ส่วนกรณีที่นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ได้ต่อสายหารือกับผู้นำ 4 ชาติในอาเซียน เมื่อวันที่ 6 เมษายนที่ผ่านมา แต่ไม่มีไทยอยู่ในวงนี้ด้วยนั้น นายมาริษยืนยันว่านายกรัฐมนตรีมาเลเซียได้ติดต่อ น.ส.แพทองธาร ในวันถัดมา ผู้นำจะมีการติดต่อหารือกันตลอดอยู่แล้ว” นายมาริษ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 10 เมษายน รัฐมนตรีการค้ามาเลเซีย ได้เชิญรัฐมนตรีการค้าไทยและอาเซียน ประชุมผ่าน Video conference เวลา 8.30 น. เพื่อหารือนโยบายการค้าสหรัฐ
ด้านกระทรวงพาณิชย์จีนระบุใน แถลงการณ์เผยแพร่มาพร้อมกับการเปิดตัวสมุดปกขาวดังกล่าวว่า ไม่มีผู้ชนะในสงครามการค้า จีนไม่ต้องการสงครามการค้า แต่รัฐบาลจีนก็จะไม่ยอมให้สิทธิและผลประโยชน์อันชอบธรรมของชาวจีนได้ถูกทำลายหรือถูกพรากไปเช่นกัน แต่สหรัฐกำลังใช้ภาษีศุลกากรเป็นเครื่องมือในการสร้างแรงกดดันสูงสุดเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว นี่เป็นลัทธิฝ่ายเดียว ลัทธิคุ้มครองทางการค้า และการกลั่นแกล้งทางเศรษฐกิจแบบดั้งเดิม
กระทรวงพาณิชย์จีน ประกาศขึ้นภาษีกับสินค้านำเข้าของสหรัฐเพิ่มอีก 84% ภาษีใหม่ดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 10 เมษายนนี้ หลังจากเมื่อวันที่ 4 เมษายน จีนได้ประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐไปแล้ว 34% เพื่อตอบโต้ภาษีต่างตอบแทนที่สหรัฐประกาศบังคับใช้กับจีน จะมีผลในวันที่ 9 เมษายน ตามเวลาในสหรัฐ จนถึงขณะนี้จีนยังไม่แสดงความสนใจจะเจรจาต่อรองใดๆ กับสหรัฐ
สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า จากกรณีที่นายปีเตอร์ นาวาร์โร ปรึกษาอาวุโสทางการค้าของทรัมป์ของสหรัฐ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีว่า เทสลาบริษัทรถยนต์ของนายอีลอน มัสก์ ผู้นำกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล เป็นผู้ประกอบรถยนต์ ไม่ใช่ผู้ผลิตรถยนต์ เป็นลักษณะของการทำธุรกิจไม่สอดคล้องกับนโยบายเก็บภาษีของทรัมป์
มัสก์โต้กลับเรื่องนี้ผ่านทางโชเซียลมีเดีย ด่านาวาร์โรว่าเป็นพวกปัญญาอ่อน และสิ่งที่เขาพูดมานั้นผิดมหันต์ ทั้งยังเรียกนาวาร์โรว่า Peter Ratarrdo เป็นการผสมชื่อของเขากับคำว่า retarded ที่แปลว่าปัญญาอ่อนอีกรอบ เทสลามีความเป็นรถยนต์ผลิตในสหรัฐมากที่สุด มีชิ้นส่วนวัสดุผลิตในสหรัฐมากที่สุด พร้อมกับระบุว่า นาวาร์โรนั้นโง่กว่าถุงอิฐ เป็นการเปรียบเปรยว่าเขาไม่มีสมอง